นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ เปิดเผยว่า สภาทนายความได้ออกแถลงการณ์ว่า รักษาการนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีทั้งคณะ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจนหมดอำนาจบริหารไปแล้ว รวมทั้งกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรซึ่งได้มี พระราชกฤษฎีกายุบสภาไป เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.56 จึงปรากฏความจริงว่าในการใช้อำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติของสภาผู้แทนราษฎรได้ยุติลงแล้วโดยสิ้นเชิง วุฒิสภาจึงมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความมั่นคงของชาติอย่างต่อเนื่องตลอดไป โดยอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาในมาตรา 132 (2) ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งรองประธานวุฒิสภาผู้ทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา สามารถดำเนินการได้ คือการพิจารณาแต่งตั้งผู้มาดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญได้ ทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและตำแหน่งอื่นตามรัฐธรรมนูญ จึงชอบที่จะนำมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญมาวินิจฉัยกรณีนี้ได้ เพราะทางนิติศาสตร์นั้นการใช้รัฐธรรมนูญและกฎหมายต้องให้มีผลบังคับตามหลักนิติธรรมและหลักเกณฑ์สากล จึงไม่มีกรณีใดที่จะให้ประเทศชาติตกอยู่ในสภาวะไร้ฝ่ายบริหารและสภาผู้แทนราษฎร
นายเดชอุดม กล่าวว่า การที่จะให้เป็นไปตามมาตรา 7 ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้มีส่วนร่วมและไม่ได้ทรงเข้ามาวินิจฉัยในข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใด รองประธานวุฒิสภามีหน้าที่ที่จะต้องกระทำเพื่อเติมเต็มสุญญากาศของการไม่มีนายกรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎร ให้ได้มาซึ่งสภาผู้แทนฯ และนายกฯในโอกาสต่อไปให้สอดคล้องกับวิธีการเลือกตั้ง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล