+++นายถาวร เสนเนียม 1ในแกนนำกปปส.แสดงความเสียใจเหตุการณ์ที่แยกคอกวัว และ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะที่ มีการกั้นพื้นที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจหาวัตถุพยานในจุดเกิดเหตุแยกคอกวัวและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และสอบปากคำผู้บาดเจ็บผู้เห็นเหตุการณ์หาข้อเท็จจริง มีรายงานเจ้าหน้าที่อีโอดี เข้าตรวจสอบอีกครั้งเวลา 10.00น. เบื้องต้นทราบรายชื่อผู้รับบาดเจ็บรักษาตัวที่ รพ.หัวเฉียวเพียง 6 ราย ส่วนใหญ่ถูกสะเก็ดระเบิดและกระสุนปืน ได้แก่1. นายกิติชัน อิศรางกูร ณ อยุธยา อายุ 35ปี ได้รับบาดเจ็บที่แขนขวา2. นายสุธรรม เมืองอินทร์ อายุ 55 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ขวา3. นายมนัส สุทรพิพาศอายุ 64 ปี ได้รับบาดเจ็บที่หลัง4. นส.อ้อยใจ สรวงชัยภูมิ อายุ 52 ปี ได้รับบาดเจ็บที่แขนขวา5. นายสันติพงษ์ พฤกษ์วานิช อายุ 52 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ขวา6. นางเปรมจิต พฤกษ์วานิช อายุ 47 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย จากการสอบปากคำพยานผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า มีคนพบรถยนต์ต้องสงสัยจำนวนหลายคันป้วนเปี้ยนรอบจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายใช้เครื่องยิงลูกระเบิด M79 ยิง จากแยกคอกวัวเข้ามาทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและมีเสียงปืนสาดเข้ามาหลายนัดก่อนหลบหนีไป
+++อย่างไรก็ตาม แกนนำ ประกาศบนเวที ทำภาระกิจตามที่นัดหมาย ในวันนี้ จะมีการยกระดับการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นด้วย
+++มีรายงานว่าเวปไซต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า มีระเบิดเอ็ม 79 ลงสองจุด จุดแรกลงที่ วงเวียนอนุสาวรีย์ฯ ตรงข้ามร้านอาหารเมธาวลัยศรแดง และลูกที่สอง ลงที่โรงแรมบ้านดินสอ มีผู้บาดเจ็บ 16 คน เสียชีวิต 2 ศพ
+++นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย( ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนประกอบด้วย ตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ส่งตัวแทนเข้าร่วมการประชาพิจารณ์ครั้งแรกของเวทีประชุมเพื่อหารือทางออกประเทศไทย โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา เป็นประธานเปิดการประชุม ภาคเอกชนส่วนใหญ่สะท้อนปัญหาเศรษฐกิจว่า หากปัญหาการเมืองยืดเยื้อผ่านไปอีก 1-2 เดือน จะวิกฤติมากขึ้น จึงเป็นห่วงว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะได้รับผลกระทบทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมแก้ไขวิกฤติทางการเมืองให้คลี่คลายโดยเร็ว ทั้งนี้ ส.อ.ท.เห็นด้วยกับการต้องมีรัฐบาลโดยเร็วภายใต้กรอบของกฎหมายและเป็นที่ยอมรับของคนในประเทศและนานาชาติ
แนวทางแก้ปัญหาทางการเมือง ควรเร่งดำเนินการใน 3 ด้าน คือ ประการแรก ต้องลดความขัดแย้ง ลดความระแวงของทั้ง 2 ฝ่ายที่มีความเห็นต่างกัน ประการที่ 2 ต้องลดอุณหภูมิความขัดแย้ง อย่าให้ถึงขั้นแตกหักของทั้ง 2 ฝ่าย และผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องพูดคุยกัน เพราะหากเหตุการณ์บานปลายจะซ้ำเติมสภาพเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ส่วนสุดท้าย คือ ต้องสร้างกลไกเป็นที่ยอมรับ กรณีถ้าเลือกตั้งไปพร้อมกับการปฏิรูปจะทำอย่างไร หรือหากจะปฏิรูปก่อนจะต้องดำเนินการอย่างไร มีเรื่องอะไรบ้าง โดยมีกรอบเวลาที่ชัดเจนและสร้างให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
+++นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงานเสวนาเรื่อง “สร้างโอกาสการลงทุนขับเคลื่อนไทยสู่อนาคต” ว่า ปัญหาการเมืองภายในประเทศ การแตกแยกทางความคิดระหว่างคนไทยด้วยกันยังคงไม่จบลงง่าย ๆ โดยสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงยืดเยื้อ ทำให้ขวัญกำลังใจของผู้บริโภค นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศลดน้อยลง ซึ่งคาดว่าการเมืองที่ถึงทางตันกดดันให้เศรษฐกิจไทยซึมลงต่อเนื่องอีก 2-3 ปี และโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวแข็งแรงคงเป็นไปได้ยาก เพราะทางตันทางการเมืองไม่หมดลงง่าย ๆ หากเศรษฐกิจซึมลงต่อเนื่องโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะพังลงก็เป็นไปได้เป็นสัญญาณอันตราย ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นอาจจะเป็นไปได้ที่ทุกฝ่ายมองเห็นหายนะของตัวเองก็จะกลับมาปรองดองกันก็ได้ นายวีรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้เห็นสัญญาณของเศรษฐกิจแย่ลง อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาส 1 ติดลบและมีโอกาสที่จีดีพีไตรมาส 2 จะติดลบต่อเนื่อง การลงทุนภาครัฐทำไม่ได้ ขณะที่ภาคเอกชนไม่ลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมีขีดจำกัด
+++เรื่องข้าว นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จะหารือร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องกรอบการขอกู้เงินเพิ่มเติมจากกระทรวงการคลัง หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สามารถคืนเงินยืมจากงบกลาง 20,000 ล้านบาท ภายในวันที่ 31 พ.ค.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากกำหนดวันเลือกตั้งเดิม 20 ก.ค. 2557 รัฐบาลจะยืมเงินจากงบกลางเพิ่มเติม 20,000-40,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ค่าข้าวให้กับเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวที่เหลือประมาณกว่า 70,000 ล้านบาท แต่หาก กกต.กำหนดวันเลือกตั้งช้ากว่ากำหนดเดิม จะทำให้ขอยืมเงินจากงบกลางในสัดส่วนที่มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ ต้องรอความชัดเจนจากการหารือครั้งนี้ก่อน
+++กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ จะมีการหารือถึงเรื่องเกณฑ์และแนวทางการคัดกรองผู้ที่กู้ยืมเงินในกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ในปี 2557 ให้เข้มงวดขึ้น รวมถึงหามาตรการการติดตามการชำระหนี้ด้วย ซึ่งเป็นการหาทางออก หลังจากได้ขอใช้งบประมาณกลางจำนวน 2,118 ล้านบาท มาใช้เพื่อให้ครอบคลุมผู้กู้รายใหม่ทั้งหมด 112,500 ราย รัฐบาลปฏิเสธที่จะจัดสรรงบมาให้
+++สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ยังเกิดแผ่นดินไหวตามมาอย่างต่อเนื่อง หลังแผ่นดินไหวที่ อ.พาน จ.เชียงราย ขนาด 6.3 ริคเตอร์ เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ทำให้ประชาชนในพื้นที่ต่างหวาดผวาไม่กล้ากลับเข้าไปอาศัยในบ้านเรือนและอาคารที่แตกร้าว รศ.ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)ล้านนา จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า มทร.ล้านนา จัดทีมงานอาสา 3 ทีมลง ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในเขต อ.พาน ทั้งการขนย้ายสิ่งของและเคลียร์พื้นที่รวมทั้งวิเคราะห์สภาพโครงสร้างทางวิศวกรรมและซ่อมสร้าง ขณะที่ ผศ.สนิท พิพิธสมบัติ รองอธิการบดีด้านวิชา การและกิจการนักศึกษา มทร.ล้านนา กล่าวว่า ใน ต.ทรายขาว พบบ้านเรือนประชาชนเสียหายกว่า 1,000 ครัวเรือน สามารถซ่อมแซมได้ ทีมอาสาได้ให้คำแนะนำและให้ความรู้ผู้ประสบภัยเกี่ยวกับอาคารที่เสียหายและจุดที่ต้องแก้ไข และในวันพรุ่งนี้ จัดเสวนาให้ความรู้แก่ช่างเทศบาล อบต.และนายช่างอาสา เกี่ยวกับการเสริมความแข็งแรงและซ่อมแซมอาคารที่เสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวจะได้มีความรู้และนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวได้อย่างถูกต้อง
+++เหตุโดมหลังคาซุ้มประตูทางเข้าบริษัทสยามโกลบอลเฮ้าส์ สาขาสุรินทร์ บริษัทจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างแบบครบวงจร อ.เมือง จ.สุรินทร์ ถล่มลงมาหลังฝนตกหนักและฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น จนมีผู้เสียชีวิต 6 ศพ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นหญิงกำลังตั้งครรภ์บาดเจ็บ 2 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานภาค 3 พร้อมวิศวกร สั่งเป็นพื้นที่อันตราย ห้ามเข้าเด็ดขาด ขณะที่ตำรวจตั้งข้อหากับบริษัทฯ ฐานประมาท
+++วันนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ไฟไหม้ บริษัทยูเนี่ยน โชจิรุชิ ภายในอุตสาหกรรมนิคมบางชัน เขตมีนบุรี การตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เกิดประกายไฟขึ้นที่ห้องทำสี ซึ่งเป็นที่เก็บวัสดุทินเนอร์ภายในชั้น 3 ของอาคาร ทำให้ไฟไหม้ลุกลามไปยังจุดอื่นๆ ของอาคาร คนงานที่ทำงานอยู่พยายามดับเพลิงแล้วแต่ไม่สำเร็จ
+++ส่วนไฟไหม้ภายในบริษัท ผ้าห่มโบตั๋น จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตผ้าห่มส่งออก ปากทางเข้าฟาร์มจระเข้ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ กลุ่มควันหนาทึบพวยพุ่งออกมาจากอาคารฝ่ายผลิตหลังที่ 3 ซึ่งมีเครื่องปั่นผ้าฝ้ายตั้งเรียงรายอยู่ภายในอาคาร 5 เครื่อง และเศษผ้าวางกองอยู่จำนวนมาก จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง ค่าเสียหายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือเครื่องจักรอาจถูกใช้งานหนักเกินไปจึงเกิดความร้อนและเกิดไฟลุกไหม้