พลตำรวจเอกเอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พันตำรวจเอกกำธร อุ่ยเจริญ ผู้กำกับการกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี เข้าตรวจสอบบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และแยกคอกวัว หลังมีผู้ใช้ระเบิดเอ็ม 79 และ เอ็ม 16 ยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มกปปส. เมื่อกลางดึก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก รอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยจุดตรวจ ว.43 พร้อมย้ำว่า ตั้งแต่มีการชุมนุมทุกพื้นที่ ตำรวจได้ให้ความสำคัญเรื่องการรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กองพิสูจน์หลักฐานและท้องที่ รวบรวมหลักฐานทั้งกล้องวงจรปิด และสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อติดตามตัวคนร้าย
ด้านพันตำรวจเอกกำธร กล่าวว่า จากการตรวจสอบบริเวณแยกคอกวัว คนร้ายยิงเอ็ม 16 หลายนัด พบร่องรอยกระสุนที่เสาสัญญาณไฟจราจร 1 รอย ส่วนระเบิดเอ็ม 79 ระยะยิง 330-350 เมตร จากทิศตะวันตกมาทิศใต้ของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จำนวน 3 ลูก โดยลูกแรกตกบริเวณด้านข้างกำแพง ชั้น 3 โรงเรียนสอนภาษาดวงใจ ข้างบริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด เสียหายเล็กน้อย ลูกที่ 2 ตกที่บริเวณห้องชั้น 4 เลขที่ 402 ของโรงแรมบ้านดินสอ และ ลูกที่ 3 ตกบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า หลังคนร้ายยิงระเบิดมาตกบริเวณโรงแรมบ้านดินสอ กลุ่มผู้ชุมนุมได้วิ่งหลบหนีขึ้นมาบนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นจังหวะเดียวกับที่คนร้ายยิงใส่อนุสาวรีย์ฯ จึงมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ส่วนรอยกระสุนปืนเอ็ม 16 ที่พบบริเวณกระจกด้านข้างรถทัวร์ ของบริษัท ธราทิพย์ทัวร์ ซึ่งจอดห่างจากแยกคอกวัว ประมาณ 200 เมตร กระสุนทะลุจากซ้ายออกขวา สูงประมาณ 2.5 เมตร เชื่อจากวิถีกระสุน เป็นการยิงออกจากอนุสาวรีย์ขณะที่ พยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 02.50 น. มีรถกระบะสีขาว ขับวนรอบพื้นที่การชุมนุม ก่อนใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่ผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง พบร่องรอยกระสุนทะลุบังเกอร์ของกลุ่มผู้ชุมนุมหลายจุด จากนั้นขับรถวนไปยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่ถนนดินสอ และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอีก 3 จุด
ไลลา