ศาลนัดสืบพยานโจทก์ คดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก่อการร้าย หมายเลขดำ อ.2542/53 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวีระ หรือ วีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. , นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษา รมช.พาณิชย์ , นพ.เหวง โตจิราการ และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กับพวกซึ่งเป็นแกนนำ นปช.รวม 24 คน เป็นจำเลยที่ 1 - 24 ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย , ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา ให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และร่วมกันชุมนุม ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กรณีร่วมชุมนุมต่อเนื่องตั้งวันที่ 28 ก.พ. - 20 พ.ค.53 เพื่อกดดันให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ประกาศยุบสภา
โดยวันนี้อัยการโจทก์ นำ นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พยานโจทก์ มาศาล เพื่อตอบการซักค้านของทนายความจำเลย ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ เมื่อถึงเวลาปรากฏว่า อัยการโจทก์แถลงว่า เนื่องจากเกรงว่า นายถวิล พยานโจทก์ จะเกิดความไม่ปลอดภัย จึงให้หลบพักอยู่ที่แห่งหนึ่ง แต่หากเริ่มกระบวนการสืบพยานก็สามารถโทรศัพท์แจ้งให้นายถวิล มาพบได้ภายใน 15 นาที
ขณะที่นายจตุพร จำเลยที่ 2 ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยทนายความฝ่ายจำเลยแถลงต่อศาลขอเลื่อนการสืบพยานโจทก์ออกไป เนื่องจากนายจตุพร ซึ่งเป็นประธาน นปช.มีเหตุจำเป็นต้องดูแลมวลชนกลุ่ม นปช.ที่มาร่วมชุมนุมที่บริเวณถนนอักษะ ศาลสอบถามอัยการโจทก์แล้วไม่คัดค้าน จึงเห็นควรให้เลื่อนนัดสืบพยานโจทก์ออกไปเป็นวันที่ 22 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.พร้อมกำชับให้คู่ความทั้งสองฝ่าย ต้องนำพยานโจทก์และจำเลยมาตามนัดของศาลทุกครั้ง เพื่อสืบพยานโจทก์อย่างจริงจัง หากไม่มีเหตุจำเป็นศาลก็จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีอีก
ขณะที่ นายถวิล กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ออกหมายเรียกตน เพื่อไปรับทราบข้อกล่าวหาฐานร่วมสนับสนุนการเป็นกบฏแล้ว โดยนัดหมายให้ไปพบภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งตนยืนยันว่า จะเข้าพบเพื่อชี้แจงตามที่นัดหมาย แต่ตนไม่เห็นด้วยกับการแจ้งข้อหากบฏ ซึ่งการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส.เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ยุยงปลุกปั่นให้ผู้ชุมนุมเป็นกบฏแต่อย่างใด
#แฟ้มภาพ