สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐฯ รายงานว่า ข้อเสนอแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจของสมาชิกวุฒิสภาไทยมีความเสี่ยงสร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มคนเสื้อแดง โดยรายงานอ้างนักวิเคราะห์ของบริษัทวิจัยการลงทุน IHS ว่า ข้อเสนอดังกล่าวอาจจะทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงรู้สึกหลังชนฝา หรือไม่มีทางเลือก นอกจากการหันไปใช้ความรุนแรง นอกจากนี้ รายงานยังอ้างนักวิเคราะห์ 12 คนที่สำรวจโดย สนข.บลูมเบิร์ก ว่า มีแนวโน้มว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปีนี้ โดยคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP จะชะลอตัวอยู่ที่ร้อยละ 3 ตามหลังฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย คาดว่า จะอยู่ที่ร้อยละ 6.5 และ 5.3 ตามลำดับ นอกจากนี้ วิกฤตการเมืองที่ยืดเยื้อจะเพิ่มความเสี่ยงให้ไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ และคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน แต่นักเศรษฐกิจอาวุโสในสิงคโปร์เห็นว่า อาจเป็นการถดถอยทางเทคนิค อย่างไรก็ดี เห็นว่า ประเด็นเศรษฐกิจไม่สามารถแยกออกจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองได้ในปัจจุบัน ต่างจากอดีต ประเด็นเศรษฐกิจและการเมืองเป็นคนละเรื่องกัน โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กหยิบยกกรณีเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่เริ่มขึ้นในไทยเมื่อปลายเดือนตุลาคม ได้ส่งผลให้การใช้จ่ายในโครงการสาธารณูปโภคหยุดชะงัก และยังผลให้บริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ฮอนดาชะลอการก่อสร้างโรงงานในไทย
ทีมต่างประเทศ