หลังจากที่ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาติ(ยูเอ็น) มีมติว่า การลงประชามติของไครเมียเพื่อแยกตัวออกจากยูเครนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไม่ขอรับรองการผนวกดินแดนไครเมียเป็นของรัสเซีย ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ เห็นชอบกับร่างญัตติที่เสนอโดยยูเครนและได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก ที่ระบุว่า การลงประชามติของไครเมียเมื่อวันที่ 16 มี.ค.เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจากยูเครนเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย และยูเอ็นจะไม่รับรองการผนวกดินแดนไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย มตินี้ได้รับเสียงสนับสนุน 100 เสียงจากสมาชิกทั้งหมด 193 ชาติ คัดค้าน 11 เสียง งดออกเสียง 58 เสียง และไม่ลงคะแนนอีก 20 เสียง นายวิทาลี ชูร์คิน เอกอัครราชทูตรัสเซีย อ้างว่าพอใจกับมติครั้งนี้ด้วย เพราะยืนยันว่ารัสเซียไม่ได้ถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติ เพราะนี้มีเสียงคัดค้านถึง 11 เสียงและงดออกเสียงอีก 58 เสียง ขณะที่ นายแอนดรีย์ เดชชิเซีย รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน แสดงความพอใจต่อผลการลงมติ และหวังว่าเสียงสนับสนุนญัตติอย่างท่วมท้นนี้จะสามารถต่อต้านรัสเซียไม่ให้รุกรานเพิ่มเติมในดินแดนของยูเครนอีก รวมทั้งเป็นการส่งสัญญาณว่าประชาคมโลกจะไม่ปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับไครเมียสร้างบรรทัดฐานในการท้าทายกฎกติกาใดๆอีก ส่วนนางซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐ บอกว่า มติครั้งนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าจะยึดมั่นในหลักอธิปไตย ความเป็นอิสระทางการเมือง เอกภาพ และบูรณภาพทางดินแดนของยูเครน
ศูนย์ข่าวแปซิฟิค/11.50น.