นายสุนชัย คำนูนเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวถึงสถานการณ์วันนี้ที่มีการประกาศกฏอัยการศึก ยืนยันกฟผ.จะทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าอย่างเต็มความสามารถ อีกทั้งยังเพิ่มการเฝ้าระวังโรงไฟฟ้าทุกจุด ห้ามไม่ให้มีการบุกรุก ส่วนการแสดงออกทางการเมืองของพนักงาน สามารถกระทำได้ตามสิทธิ พร้อมเชื่อว่า การประกาศกฏอัยการศึก จะทำให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น
ทั้งนี้ วันนี้ กฟผ.เปิดโรงไฟฟ้าวังน้อย ชุดที่4 เพื่อเข้าระบบผลิตไฟฟ้าอย่างเป็นทางการโดยมีนางอัญชลี ชวนิตย์ ประธาณกรรมการกฟผ. และนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าฯจ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมเป็นประธานในพิธีโดยโรงไฟฟ้าวังน้อย ชุดที่4 เป็นหนึ่งในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2553-2573 (PDP2010) เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคกลาง ทั้งจากภาคประชาชน พานิชยกรรม และอุตสาหกรรม จากเดิมโรงไฟฟ้าวังน้อย มีด้วยกัน3ชุด มีกำลังผลิตไฟฟ้า 2,027 เมกะวัตต์ และเมื่อขยายสร้างโรงผลิตไฟฟ้า ชุดที่4 จะทำให้โรงไฟฟ้าวังน้อยมีกำลังผลิตทั้งสิ้น 2,795.7 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นร้อยละ19 ของกำลังผลิตไฟฟ้ารวมทั่วประเทศที่ 14,708 เมกกะวัตต์ด้านนายสุนชัย คำนูนเศรษฐ์ ผู้ว่าการกฟผ. เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าวังน้อย ชุดที่4 มีพื้นที่40ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าวังน้อยปัจจุบันที่มี800ไร่ ริมถ.พหลโยธิน มีกำลังผลิต 768.7 เมกะวัตต์ เริ่มผลิตไฟฟ้าเข้าระบบตั้งแต่วันที่7เม.ย.เป็นโรงไฟฟ้าประเภทพลังงานความร้อนร่วม ประกอบด้วยเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันแก๊ส2เครื่อง เครื่องผลิตไอน้ำ2เครื่อง และเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันไอน้ำ1เครื่อง ใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยเป็นเชื้อเพลิง 135ล้านลบ.ฟุต/วัน และใช้น้ำดิบจากคลองระพีพัฒน์ 20,000ลบ.ม./วันสำหรับระบบหอหล่อเย็น อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาการดำเนินการก่อสร้าง กฟผ.ได้ติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด โดยจัดทำรายงานผล เสนอสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปีละ2ครั้ง และในพิธีเปิดวันนี้ ก็มีตัวแทนชุมชน ตัวแทนสถานศึกษา และชาวบ้านใกล้โรงไฟฟ้าวังน้อยเข้าร่วมพิธี เพื่อแสดงถึงการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข พร้อมร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตรอบโรงไฟฟ้า
อภิสุข