สรุปข่าว 18.00 น.
+++นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว. สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. พร้อมด้วย ส.ว. จำนวน 32 คน ได้เข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 92 ขอให้ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า คณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 (7) หรือไม่ เนื่องจากการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของ ครม.ที่มีความร้ายแรง ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 3 การกระทำของ ครม. จึงเป็นการใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นรัฐมนตรีเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชประจำพนักงาน หรือลูกจ้างของสำนักงาน กกต. ซึ่งการกระทำดังกล่าวจึงต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1)
+++นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ Abhisit Vejjajiva ” ตอนหนึ่งว่า“ ในที่สุดกองทัพบกก็ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อเป็นเครื่องมือในการคลี่คลายปัญหาแต่ผมขอแสดงความคิดเห็นเบื้องต้นดังนี้การดำเนินการใด ๆ ในกรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายเพื่อป้องกันและระงับความสูญเสียชีวิตของประชาชนและเพื่อรักษาความสงบสุขเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายควรร่วมมือและสนับสนุนการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกต้องทำเท่าที่จำเป็นเพื่อความมั่นคง ไม่ใช่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายใดและ การใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก อาจแก้ปัญหาความไม่สงบเฉพาะหน้าได้ แต่การแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ยั่งยืนก็ยังหนีไม่พ้นการหาคำตอบทางการเมืองที่ลำพังฝ่ายความมั่นคงไม่สามารถกระทำได้ จึงเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนที่จะต้องมีส่วนร่วมต่อไปสำหรับพรรคประชาธิปัตย์จะได้ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อกำหนดท่าทีในวันพรุ่งนี้
+++นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการประสานไปยังแกนนำนปช.ต่างจังหวัดบ้างแล้ว เพื่อให้มวลชนมาร่วมกันชุมนุมแสดงออกทางการเมืองที่เวทีนปช. ถนนอุทยาน นี้ โดยในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้จะสามารถสังเกตได้ว่ามีมวลชนจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นทั้งในส่วนของมวลชนต่างจังหวัดใกล้เคียง และมวลชนในกรุงเทพมหานคร ที่มีพฤติกรรมชุมนุมแบบไป-กลับ อย่างไรก็ตามเห็นว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ถึงจุดที่จะต้องระดมมวลชนครั้งใหญ่ที่สุด โดยหลังจากนี้จะคอยประเมินสถานการณ์ไปก่อน
+++กลุ่มสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.)ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กของกลุ่ม ไม่เห็นด้วยกับการประกาศใช้กฎอัยการศึกที่ขัดกับหลักการประชาธิปไตย และมอบอำนาจเบ็ดเสร็จให้กับทหารอีกทั้งยังเป็นการประกาศใช้ทั้งประเทศ ซึ่งไม่มีความจำเป็นแต่ประการใด สปป.เห็นว่า กฎอัยการศึกมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตอันเป็นปกติของประชาชน ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงดังที่ได้เกิดขึ้นแล้วจากความไม่มั่นใจของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ และ ขณะนี้รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินดังนั้น รัฐบาลรักษาการจะต้องติดตามการบังคับใช้กฎอัยการศึกอย่างเคร่งครัดหากมีการบังคับใช้ ที่นำไปสู่การละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างสันติตลอดจนสิทธิด้านอื่นๆของประชาชน รัฐบาลรักษาการมีอำนาจที่จะดำเนินการสนองพระบรมราชโองการต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อยกเลิกกฎอัยการศึกโดยเร็ว
+++นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการประกาศกฎอัยการศึกว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเดินหน้าใกล้ถึงทางตัน และอาจเกิดความรุนแรงจากการเผชิญหน้าของคู่ขัดแย้ง ทั้งกลุ่ม กปปส. และ นปช. ทั้งนี้ ภายใน 1 สัปดาห์นี้ ควรจะมีคำตอบที่ชัดเจนว่าประเทศจะเดินไปอย่างไร เพราะขณะนี้ทหารมีอำนาจในการเรียกผู้เกี่ยวข้องไปหารือ เชื่อว่าอาจจะนำมาซึ่งทางออก ซึ่งอาจมีหลายแนวทาง เช่น การตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิรูปร่วมกัน หรือแนวทางอื่นๆ รัฐบาลรักษาการอาจไม่ต้องลาออก แต่ให้ยุติการปฏิบัติงาน แต่ในส่วนของนายกรัฐมนตรีคนกลาง เชื่อว่าทำได้ยากและเป็นเรื่องที่อ่อนไหว สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เชื่อว่าวันนี้ อาจมีผลต่อตลาดหุ้น ส่วนผลกระทบด้านอื่น เชื่อว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบไปมากกว่านี้ หากสถานการณ์คลี่คลายเร็วจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ
+++ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยกับ ว่าหลังกองทัพประกาศใช้กฎอัยการศึกนั้น ก็เพื่อเป็นการช่วยปัองกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง ทั้งจากการชุมนุมของผู้ชุมนุมทั้งฝ่าย กปปส.และ นปช. รวมถึงผู้ที่จะสร้างสถานการณ์ แม้กฎอัยการศึกอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยและค่าเงินบาท แต่เชื่อว่าในระยะสั้น หากไม่มีความรุนแรงใดๆ จะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ดังนั้น จึงต้องจับตาทิศทางการเมืองหลังจากนี้อย่างใกล้ชิดว่าจะออกมาเป็นเช่นไร โดยคาดการณ์ว่า หากเกิดเหตุรุนแรงจะมีผลทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 ถึงขั้นติดลบเล็กน้อย แต่ถ้าการเมืองมีความชัดเจนขึ้น เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 จะกลับมาขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 0-1
ต่างประเทศ
+++หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องมาหลายเดือน ข้อมูลดาวเทียมเกี่ยวกับเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ที่สูญหายของมาเลเซียแอร์ไลน์ ที่บรรดาครอบครัวผู้โดยสารต้องการทราบ อาจจะได้รับการเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบในเร็วๆนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ อินมาแซต บริษัทดาวเทียมของอังกฤษที่ติดต่อสื่อสารกับเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ในช่วงชั่วโมงท้ายๆก่อนการสูญหาย ได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลนั้น แต่ในวันนี้ อินมาแซตและทางการมาเลเซีย กล่าวในแถลงการณ์ร่วมว่า พวกเขาจะเปิดเผยข้อมูลดาวเทียม ทั้งบทสนทนาและข้อมูลทางเทคนิค เพื่อความโปร่งใส การเปิดเผยข้อมูลดาวเทียมอาจจะช่วยตอบคำถามบางประการของบรรดานักวิจารณ์ ซึ่งเคลือบแคลงใจมาตลอดว่า เหตุใดทีมกู้ภัยนานาชาติจึงมุ่งเน้นการค้นหาในบริเวณทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีการเปิดเผยข้อมูลดาวเทียมที่แท้จริงให้สาธารณชนทราบ
+++ทีมนักประดาน้ำของเกาหลีใต้เริ่มการกู้ภัยโดยต่อเนื่องในวันนี้ เพื่อค้นหาคนที่สูญหายอีก 17 คน หลังเกิดอุบัติภัยเรือเฟอร์รี่เซวอลอัปปาง แต่ไม่พบศพเพิ่มในภาคเช้า หลังพบผู้เสียชีวิตสตรีอีก 1 ศพเมื่อวานนี้ที่ห้องครัวชั้น 3 ทำให้ขณะนี้มีจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 287 คน ขณะเดียวกัน ทีมกู้ภัยพบว่า ผนังเรือยุบลงบางส่วน กีดขวางทางเข้าไปยังตัวเรือ โดยเฉพาะที่ด้านหน้าของชั้น 5 ในบริเวณห้องโถงที่เข้าไปยังห้องของลูกเรือและห้องวีไอพี ในวันนี้ ทีมนักประดาน้ำจะเข้าไปยังห้องโถงและจุดอื่นๆ เพื่อเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางต่างๆที่ลอยน้ำอยู่ในเรือ หากไม่ประสบผลสำเร็จ อาจจะต้องเปิดลำตัวเรือบางส่วนออกมาโดยการใช้เครนและอุปกรณ์ใต้น้ำอื่นๆเพื่อเปิดทางให้ทีมกู้ภัยเข้าไปในตัวเรือได้สะดากมากขึ้น
หุ้นไทยและต่างประเทศ
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันนี้ ลดลง 15.94 จุด ที่ 1,394.69 จุด มูลค่าซื้อขาย 4.3 หมื่นล้าน
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเพิ่มขึ้น 68.81 จุดที่ 14,075.25 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาด เพิ่มขึ้น 130.18 จุด ที่ 22,834.68 จุด