พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เชิญ คณะทูตานุทูตต่างประเทศและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศที่ประจำการในประเทศไทย เข้ารับฟังคำชี้แจงกรณีที่กองทัพไทยประกาศยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลชั่วคราว เมื่อวันที่ 22 พ.ค. โดยมีคณะทูตานุทูตเดินทางมาร่วมรับฟัง 87 คน 58 ประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้มีระดับเอกอัครราชทูต 21 คน และมีผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ จำนวน 22 คน
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงให้คณะทูตและผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศทราบว่าเหตุใดจึงตัดสินใจทำการยึดอำนาจ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าเป็นการดำเนินการด้วยความจำเป็น เนื่องจากตอนนี้ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้ และประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ซึ่งการเข้ามาดำเนินการดังกล่าวก็เพื่อพยายามขับเคลื่อนการบริหารประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญ อาทิ โครงการรับจำนำข้าว
ขณะที่ส่วนตัวได้ชี้แจงว่า คสช.ทำหน้าที่เสมือนรัฐบาล และไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่นาน แต่เหตุที่เข้ามาเพื่อยุติความขัดแย้ง และจะมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ส่วนคสช.จะอยู่นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยความขัดแย้งทั้งหลายจะคลี่คลายลงเมื่อใด
ส่วนทูตต่างประเทศส่วนใหญ่สอบถามว่าคสช.จะอยู่ถึงเมื่อใด ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าขณะนี้คงไม่มีใครตอบได้ เพราะต้องทำเรื่องทั้งหลายให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ย้ำว่าการทำความตกลงต่างๆกับประเทศที่มีการเจรจาอยู่ รวมถึงพันธกรณีระหว่างประเทศก็ยังดำเนินต่อไป และไทยยังยึดมั่น
นอกจากนี้ยังมีการสอบถามว่าการปฏิรูปจะเกิดเมื่อใดนั้น พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าจะมีการตั้งสภาปฏิรูปขึ้นพร้อมๆ กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำว่าคสช.อยู่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ด้านเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้สอบถามถึงการจะมีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชั่วคราว แต่คสช.จะทำหน้าที่เป็นรัฐบาลเสียเอง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า คสช.ต้องทำหน้าที่นี้ไปก่อน และต้องให้สถานการณ์พร้อมเสียก่อน
ส่วนเรื่องรัฐบาลชั่วคราวเป็นสิ่งที่ต้องว่ากันในภายหลัง แต่ทั้งหมดจะนำไปสู่การเลือกตั้ง นอกจากนี้ คณะทูตต่างประเทศได้ฝากให้คสช.ดูแลความปลอดภัยของชาวต่างประเทศที่อยู่ในไทยด้วย ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าจะดูแลชาวต่างประเทศเป็นอย่างดีเท่ากับที่ดูแลคนไทย