หลัง คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติไม่ให้ขยายเวลาการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดีจำนำข้าวให้นายกฯ45 วัน ตามที่ร้องขอ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้รับผิดชอบคดีรับจำนำข้าว ยอมรับว่า เสียเปรียบ เพราะขณะนี้ทีมทนายความยังได้เอกสารจากป.ป.ช.ไม่ครบตามที่ร้องขอไป
ส่วนเอกสาร280 แผ่น ที่เพิ่งได้รับจากป.ป.ช.เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ก็ยังตรวจสอบไม่เสร็จหากให้รีบไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอาจจะชี้แจงได้ไม่ครบถ้วน แต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด เมื่อป.ป.ช.ไม่ขยายเวลาให้ คงต้องชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษรไปก่อนในวันที่ 31 มี.ค.
ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยจะชี้แจงว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้เกี่ยวข้องในการกระทำผิดตามข้อกล่าวหาเพราะเป็นเพียงผู้กำกับดูแลนโยบายเท่านั้น ส่วนนายกฯจะไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาด้วยตัวเองร่วมด้วยหรือไม่ต้องขอหารือกันอีกครั้ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 29 มี.ค.ทั้งนี้หลังจากส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้วทีมทนายความจะขอให้ป.ป.ช.ไต่สวนพยานบุคคลและเอกสารเพิ่มเติมอีกหลายปาก เช่น นักวิชาการ เพื่อมาหักล้างข้อกล่าวหาของน.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าวที่ระบุว่า โครงการดังกล่าวมีการทุจริต
ด้าน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่าพร้อมจะต่อสู้ถึงที่สุด กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุจะเร่งพิจารณากรณีที่ตน และพวกรวม 15 คนถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้กับรัฐบาลจีนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วอย่างช้าภายในต้นเดือน เม.ย.
นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ตั้งข้อสังเกตที่ ป.ป.ช.จะเร่งรัดตัดสินกรณีของนายบุญทรงนั้น เป็นเพราะ ป.ป.ช.ต้องการตัดสินกรณีของนายกรัฐมนตรี ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ยุติโครงการรับจำนำข้าว ขณะที่ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหานายกฯ ว่า ละเลย หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ โดยดูจากสิ่งที่พรรคฝ่ายค้าน หรือนักวิชาการ หรือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เตือนหลายครั้งว่า มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ก็ไม่ใช่ว่าสิ่งที่พวกนั้นเตือนเป็นความจริง เพราะยังไม่มีข้อสรุปว่า มีการทุจริต