+++นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มองว่า การหารือกันครั้งนี้ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่จะปรับโครงสร้างในทุกด้านที่ทำให้ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ ภาคเอกชน พยายามดูแลเพื่อผลักดันให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวในปีนี้ขยายตัวได้เท่าปีก่อนคือ 26.8 ล้านคน ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวมาก ดังนั้นจึงเสนอที่ประชุม คสช.ให้พิจารณาการเลื่อนหรือปรับเวลาการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก อาทิ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และพัทยา เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่าการดำเนินชีวิตใกล้เคียงกับปกติมากที่สุด
+++ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันนี้ได้หารือถึงนโยบายและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนในรายละเอียดจะต้องมีการหารือและจัดตั้งคณะทำงานเพื่อคอยกำกับดูแล ตลอดจนตอบข้อซักถามเมื่อภาคเอกชนเกิดข้อสงสัย ทั้งนี้สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการในลำดับแรก คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเร่งจ่ายเงินให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว การสร้างสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) และ การส่งเสริมธุรกิจการค้าชายแดน สำหรับสถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจในช่วง 2-3 วันนี้ ยังไม่สามารถประเมินได้ แต่เชื่อว่าในไตรมาส 4 เศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว
+++ขณะที่นายสุพรรณ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่า คสช.ได้รับฟังข้อเสนอของภาคเอกชน ในการจัดตั้งเขตการค้าเศรษฐกิจชายแดน ซึ่งยังทำให้เอกชนมั่นใจภาพรวมการค้าการลงทุนยังเดินหน้าได้ตามปกติ ส่วนปัญหาการอนุมัติงบลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ที่ประชุมยืนยันจะเร่งหาแนวทางในการแก้ไขต่อไป อย่างไรก็ตามยังมีการเสนอให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคทหารและเอกชน หรือ กรอ.เพื่อหาแนวทางในการดูแลเศรษฐกิจร่วมกัน
วินัยธร