กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บุกตรวจค้นแชร์ลูกโซ่ ที่มีการโฆษณาชวนเชื่อถึงผลกำไรที่เกินจริง พันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนและชุดปฏิบัติการพิเศษจู่โจมเข้าตรวจค้น อาคารเลขที่ 19/68 - 69 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พร้อมควบคุมตัวนายมนตรี หรือ จอมพงษ์ มณีวงศ์ ผู้บริหารบริษัทอริจินอล เน็ทเวิร์ค จำกัด อดีต กรรมการ บริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในฐานความผิดตาม พรก.ผู้ยืมเงิน,หลอกหลวงประชาชน ส่วน นายไตรทศ สื่อจินดาภรณ์ และนายธรรมรัตน์ มงคลบวรรัตน์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเดียวกัน อยู่ในระหว่างติดตามตัว
นายสิทธิไกร ตลับนาค อดีตผู้บริหาร บ.ไนน์ท๊อปอัพ ได้หลบหนีและปิดระบบการชำระเงินของ บ.ไนน์ท๊อปอัพ ไปตั้งแต่ เดือนสิงหาคม 2558 ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อได้ และสร้างความเสียหายให้กับสมาชิกประมาณ 4 หมื่นคน ซึ่งการสมัครสมาชิกจะต้องเสียค่าแรกเข้า ตั้งแต่ 1,500 - 12,500 บาท และจะได้ค่าส่วนต่างจากการชำระค่าบริการเป็นเงินปันผล มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งบริษัท ไนน์ท๊อปอัพ จำกัด จากการตรวจสอบของ ดีเอสไอ พบว่าเข้าข่ายธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ที่มีการโฆษณาชวนเชื่อถึงผลกำไรที่เกินจริง ซึ่ง บ.ไนน์ท๊อปอัพ เป็นบริษัทที่คล้ายเคาท์เตอร์เซวิส ในการชำระค่าบริการต่างๆ ผ่านระบบทางมือถือของบริษัท
ส่วนบ.อริจินอลเน็ทเวิร์ค จำกัด ที่นายมนตรีมาเปิดนั้นได้มีการนำสมาชิกเก่าของ บ.ไนน์ท๊อปอัพ มาต่อสมาชิกเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินของสมาชิก อีกทั้งนายมนตรียังยืนยันว่า บ.อริจินอลเน็ทเวิร์ค นั้นถูกต้องมีการขอใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งทางดีเอสไอจะต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป
โดยดีเอสไอยังสามารถยึดอายัติทรัพย์สินอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับบ.ไนน์ท๊อปอัพ เพิ่มเติม อาทิ ที่ดินที่จังหวัดสระแก้ว / รีสอร์ท ที่จังหวัดลพบุรี / บัญชีเงินฝากธนาคาร / และรถยนต์เมอร์เซอร์เดส เบนซ์ ที่มอบให้กับสมาชิก อีกด้วย รวมทรัพย์สินทั้งหมด มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท