พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบกปฏิเสธกระแสข่าวว่ามีการขยาย ปรับเปลี่ยนเวลาการประกาศเคอร์ฟิว หรือการห้ามออกนอกเคหะสถานในช่วงเวลาที่กำหนด โดยให้ยึดถือตามประกาศเดิมคือตั้งแต่เวลา22.00-05.00น. เว้นผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.)ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ ซึ่งย้ำว่าการประกาศเคอร์ฟิวเพื่อให้ง่ายต่อการรักษาความสงบ เพราะเมื่อมีการประกาศกฎหมายความมั่นคงสูงสุดแล้วยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ การจะทำให้บ้านเมืองเป็นปกติก็จะทำได้ยาก รวมถึงการยกเลิกหรือปรับลดมาตรการต่างๆก็ขึ้นอยู่กับการให้ความร่วมมือของประชาชนด้วย ทั้งนี้ยอมรับว่าขณะนี้ข่าวลือเป็นปัญหาหลัก มีการใช้โซเชียลมีเดียบิดเบือนข้อมูล ยุยงปลุกปั่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ คสช.จะเร่งดำเนินการโดยเน้นการใช้กฎหมายความมั่นคงเป็นหลัก ส่วนการชุมนุมเคลื่อนไหวต่อต้านการยึดอำนาจการปกครองประเทศนั้น พบว่ามี 2กลุ่ม คือ กลุ่มที่ต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ตามระบอบประชาธิปไตยและกลุ่มที่เคลื่อนไหวโดยมีนัยยะแอบแฝงต้องการยุยง ปลุกปั่น ซึ่งการเคลื่อนไหวของทั้งสองกลุ่มถือว่าเป็นการกระทำความผิดที่เจ้าหน้าที่ต้องเข้าดำเนินการแต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้บังคับหน่วยตามจุดต่างๆโดยเน้นการเจรจาและให้ยุติการกระทำ
ด้านพ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ยืนยันว่าการปฏิงานของ คสช.จะยึดโยงตามกรอบกฎหมายและขอความร่วมมือจากประชาชนในการแก้ไขปัญหาประเทศขณะเกียวกันได้เน้นย้ำอำนาจหน้าที่ของปลัดกระทรวง ทบวง กรมต่างๆยังทำงานได้ตามปกติแต่ต้องผ่านความเห็นชอบจาก คสช.อย่างไรก็ตาม ยังกล่าวว่า คสช.ได้ย้ายศูนย์กลางการปฏิบัติงานจากกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ถ.วิภาวดีไปที่กองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งวันนี้ผู้แทนจากระทรวง ทบวง กรมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เริ่มทำงานในสถานที่ดังกล่าวแล้ว
วินัยธร