เมื่อวานนี้พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ (ผบ.ทอ.) ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรับผิดชอบดูแลด้านเศรษฐกิจ ได้ประชุมหน่วยงานด้านการคลังและสถาบันการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหลังประสบผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองมากว่า 6 เดือน
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถือเป็นงานเร่งด่วน และขณะนี้กำลังผลักดันมาตรการซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมธนาคารไทยและบรรษัทค้ำประกันสินเชื่อขนาดย่อม (บสย.) ยังมีวงเงินค้ำประกันกว่า 1 แสน 6 หมื่น 5 พันล้านบาท ส่วนการต่ออายุภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 กรมสรรพากรจะเสนอขึ้นมาตามขั้นตอนโดยเร็วที่สุด แต่จะหารืออีกครั้งว่าจะต่ออายุออกไปนานกี่ปี
ส่วนเรื่องของโครงการรับจำนำข้าว ซึ่ง คสช.เร่งจ่ายเงินชาวนาแล้ว นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ได้ลงนามในหนังสือถึงสถาบันการเงินทั้ง 32 แห่ง เพื่อยื่นเสนอเงินให้กู้ยืมภายใต้โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/2557 จำนวน 50,000 ล้านบาทโดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นพื้นฐานในการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ มีกระทรวงการคลัง ค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย โดยคาดว่าธนาคารจะให้การตอบรับเพราะปัญหาความไม่ชัดเจนทางกฎหมายถูกขจัดไปหมดสิ้นแล้ว
ด้านนายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาค ทั้ง 5 ภาค เปิดเผยว่า หลังจากทุกฝ่ายยุติการเผชิญหน้า และคสช. ให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ภาพรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะการจ่ายเงิน 9 หมื่นล้านบาท ให้ชาวนา จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ ทั้งจากการชำระหนี้สินและการใช้จ่าย เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 3 แต่ยังมีปัญหาระยะยาวคือการทำให้ราคาข้าวมีเสถียรภาพ และทำให้ชาวนามีอนาคตที่มั่นคง
นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย คาดหวังว่าในการบริหารจัดการจะมีการจัดทำข้อมูลสต็อกแยกประเภทข้าวที่ชัดเจน เร่งส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในกระบวนการลดต้นทุนการผลิตแก่ชาวนา เพื่อปรับตัวและรับมือกับสภาวะตลาดโลกที่มีการแข่งขันสูง
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์(พณ.) กล่าวถึงการตรวจสต็อกข้าวทั่วประเทศก่อนที่จะระบายข้าวนั้น กระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะดำเนินการทันที เพื่อความโปร่งใส และจะร่วมตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ คสช. ด้วย และขอตรวจสอบข้อมูลกรณีที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ระบุว่าข้าวหาย 3 ล้านตัน หากพบมูลความผิดจริงจะเข้าแจ้งความ และดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้คณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว กระทรวงการคลัง ระบุว่า จากสรุปข้อมูลเบื้องต้นระหว่างกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ดทั้งหมด 5 รอบฤดูกาล มีผลขาดทุนเบื้องต้น 5 แสนล้านบาท ขณะที่ข้าวสารหายไปจากสต็อก 3 ล้านตัน
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์แนวโน้มสินเชื่อช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ยังมีโอกาสอ่อนแรงลงต่อ เพราะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งอาจทำให้สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 2 ที่จดทะเบียนในไทย เติบโตชะลอลงต่ำกว่าร้อยละ 7 ประกอบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม มีแรงกดดัน จากความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย และลงทุนของภาคเอกชนในประเทศที่ชะลอตัวลง ขณะที่การฟื้นตัวส่งออกล่าช้า โดยยอดเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สุทธิ ของ 14 ธนาคารพาณิชย์ไทย สิ้นเดือนเมษายนมี 9 ล้าน 5 แสน 6 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 2 หมื่น 2 ร้อยล้านบาทจากยอดคงค้าง 9 ล้าน 5 แสน 4 หมื่นล้านบาท ในเดือนมีนาคม
วันนี้ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.)จะหารือกับผู้ให้บริการโครงข่ายที่ไม่ได้ระบุประเภทชัดเจน อาทิ ดาวเทียมพีเอสไอและรายอื่นๆมากำหนดประเภทให้ชัดเจนว่าเป็นแบบบอกรับสมาชิก หรือแบบฟรีทูแอร์ เพื่อให้การออกอากาศไม่ขัดต่อประกาศของ คสช.
..