*ทันสถานการณ์โลก สื่ออเมริกันชี้ตัวเลขศก.ไทยกระเตื้องขึ้นหลังควบคุมอำนาจ/ไวรัสเมอร์สระบาดหนักในซาอุ จนต้องปลด รมว.สธ.*

+++วอลล์สตรีท เจอร์นัล อ้างข้อมูลของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 70.7 จาก 67.8 ในเดือนเมษายน ส่วนตลาดหุ้นของไทยก็ปิดบวกเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันในวันอังคาร(3) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2013  สื่อแห่งนี้เน้นด้วยว่าหุ้นของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3.45 นับตั้งแต่กองทัพก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ตามหลังความยุ่งเหยิงทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือนและเลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรงบ้างในบางครั้ง ขณะเดียวกันค่าเงินบาทก็แข็งค่าขึ้นร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยนักลงทุนขานรับต่อข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภค

วอลล์สตรีท เจอร์นัล ยังอ้างความเห็นของนายมาร์ค สปีเกล กรรมการผู้จัดการส่วนภูมิภาคของ วินาร์โก อินเตอร์เนชันแนล บริษัทผู้ให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐาน ระบุว่าในขณะที่เหตุรัฐประหารก่อความรู้สึกช็อคแก่ชาวต่างชาติ แต่ "คนไทยส่วนใหญ่มองว่าการรัฐประหารคือกลไกขจัดภาวะทางตันทางการเมือง การรัฐประหารก็เหมือนมีบางคนเข้ามาและควบคุมบอร์ดบริหารบริษัทของคุณก็เท่านั้น"

+++เจ้าหน้าที่กองทัพขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต แถลงเมื่อวันอังคารว่ารัสเซียถอนกำลังทหารส่วนใหญ่ของจำนวนประมาณ40,000นายออกจากพรมแดนยูเครนแล้วตามที่เลยให้คำมั่นไว้และส่วนที่เหลืออยู่ก็กำลังเตรียมที่จะถอนกำลังออกไปเช่นกัน  นายอันเดอร์สฟ็อก ราสมุสเซน เลขาธิการนาโตกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าทหารรัสเซียประมาณ 2ใน3จากที่นาโตประเมินไว้ประมาณ40,000นายถอนกำลังแล้ว และเขายังเรียกร้องเมื่อวันอังคารให้รัสเซียถอนกำลังทั้งหมดออกจากพรมแดนยูเครนเพราะมันเป็นก้าวแรกในการลดวิกฤติซึ่งกำลังทำให้นาโตทบทวนความมั่นคงในยุโรป

+++เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ จับกุมตัวนายอัลตัฟฮุสเซน หัวพรรคเอ็มคิวเอ็มที่ทรงอิทธิพลของปากีสถานในข้อหาต้องสงสัยฟอกเงินเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นบ้านพักย่านตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงลอนดอนซึ่งเป็นที่ที่ชาววัย 60ปีผู้นี้ถูกรวบตัว  นายฮุสเซนอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปี2534โดยกล่าวว่าชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตรายหากเดินทางกลับปากีสถานส่วนพรรคการเมืองของเขาซึ่งยึดครองนครการาจีเรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนอยู่ในความสงบ  ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจปากีสถานเตรียมพร้อมรับมือท่ามกลางรายงานข่าวเกิดความรุนแรง

+++ประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐได้ประกาศแผนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มการส่งกำลังทหารสหรัฐไปยังยุโรป ระหว่างการเยือนโปแลนด์ นายโอบามา ซึ่งจะพบปะกับผู้นำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต ท่ามกลางกระแสความหวั่นวิตกเรื่องวิกฤติในยูเครน กล่าวว่า ความมั่้นคงปลอดภัยของพันธมิตรสหรัฐในยุโรปถือเป็นเรื่องที่ต้องทำโดยเร่งด่วน   ด้านทำเนียบขาวของสหรัฐระบุว่า โครงการประกันความมั่นคงให้กับยุโรป ซึ่งจะต้องได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของชาติที่ไม่ใช่สมาชิกของนาโต รวมถึงยูเครน, จอร์เจียและมอลโดวา ในการทำงานร่วมกับสหรัฐและพันธมิตรชาติตะวันตก

+++นายเลียวนาร์ด โอโมลโล ผู้บังคับการตำรวจเมืองลามูของเคนยา กล่าวว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนรายงานที่ว่า มีคนเห็นนางซาแมนธา ลูธเวต หรือที่เรียกว่า หม้ายขาว ในเมืองลามู เธออ้างว่าทำงานให้กับหน่วยงานหนึ่งของสหประชาชาติและต้องการจะเยือนค่ายทหารแห่งหนึ่งของกองทัพเคนยาในโซมาเลีย แต่เมื่อไปถึงด่านชายแดนของโซมาเลีย เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้สอบถามเรื่องบัตรประจำตัว และไม่อนุญาตให้เธอเดินทางเข้าประเทศดังกล่าว เธอถูกกล่าวหาว่า มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธอัลชาบับของโซมาเลีย ซึ่งเคยทำการโจมตีเคนยามาแล้วหลายครั้ง ส่วนสามีของเธอคือ นายเจอร์เมน ลินด์ซีย์ เสียชีวิตจากระเบิดฆ่าตายรถโดยสารสาธารณะในกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 7 กรกฏาคม 2548 มีคนเสียชีวิต 52 คนและบาดเจ็บกว่า 100 คน โดยนายเจอร์เมน เป็น 1 ใน 4 มือระเบิดฆ่าตัวตาย

+++ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 21.29 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,722.34 จุดราคาน้ำมันสหรัฐฯวานนี้(3) ปิดบวกเล็กน้อย จับตารายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองช่วงกลางสัปดาห์ 

+++สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ ปิดที่ 102.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1 เซนต์ ปิดที่ 108.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน ทองคำวานนี้(3) ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือนเล็กน้อย หลังดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ช่วยระงับการถดถอยของราคาโลหะมีค่าสีเหลืองชนิดนี้ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 0.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,244.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

+++รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย แถลงว่าขณะนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโรคระบบทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือเมอร์ส เพิ่มสูงถึง 282รายแล้วซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ตอนแรกเกือบ100รายโดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นหลังจากมีการทบทวนข้อมูลของโรงพยาบาลทั่วประเทศตั้งแต่เริ่มต้นการระบาดของเมอร์สในปี 2555  มีผู้ติดเชื้อโรคมรณะดังกล่าวที่ยืนยันแล้วจำนวน688รายซึ่งก่อนการทบทวนเชื่อว่ามีเพียง575รายโดยมีผู้ป่วยจำนวน 53รายยังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งนี้ โรคเมอร์สได้รับการพิจารณาว่าเป็นโรคที่อันตรายแต่ก็น้อยกว่าโรคซาร์สที่เคยแพร่ระบาดในเอเชียเมื่อปี 2546ซึ่งมีผู้ติดเชื้อสูงถึง8,273รายและเสียชีวิตไปร้อยละ 9 ส่วนนายไซอัดเมนิช รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขของซาอุดีอาระเบียซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนักวิทยาศาสตร์นานาชาติเกี่ยวกับในการแก้ปัญหาวิกฤติการระบาดของโรคถูกปลดออกจากตำแหน่งไปเมื่อวันจันทร์

+++จีนป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเข้าถึงเว็บไซต์หลายแห่งของกูเกิล ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ รวมถึงยูทูปและทวิตเตอร์ ก่อนถึงวันครบรอบ 25 ปีของเหตุการณ์สลายการประท้วงที่บริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมินในวันพรุ่งนี้ โดยทางการจีนได้ใช้ระบบปิดกั้นที่เรียกว่า เดอะ เกรท ไฟร์วอลล์ ก่อนถึงวันครบรอบปีของเหตุการณ์ ซึ่งทางการจีนมองว่า เป็นประเด็นที่อ่อนไหวทางการเมือง