นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม ในส่วนของคดีอาญาการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือก และการระบายข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะพยานบุคคลปากสุดท้าย จากทั้งหมด 4 ปาก
นายสุพัฒน์ เปิดเผยว่า จะชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงตามกรอบที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้นัดหมายให้ 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ , คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว กระทรวงการคลัง และ ธ.ก.ส. พร้อมให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการชี้แจง และวันนี้ได้เตรียมเอกสารหลักฐานทั้งหมด ที่อยู่ในความรับผิดชอบเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เช่น การจ่ายเงินคงค้างค่าจำนำข้าวเปลือกและข้าวสารในโครงการรับจำนำข้าว ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการจนถึงปัจจุบัน รวมทั้ง ความก้าวหน้าของการดำเนินงาน และให้ถ้อยคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวในทุกประเด็น และทุกขั้นตอนการดำเนินการของ ธ.ก.ส. ได้ใช้เงินในโครงการนี้ไปแล้ว กว่า 1.9 แสนล้านบาท ส่วนการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่ยังคงค้างกว่า 9.2 หมื่นล้านบาท ขณะนี้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้ช่วยเหลือและให้ ธ.ก.ส. จ่ายเงินไปแล้ว 4.3 หมื่นล้านบาท คงเหลืออีกกว่า 5 หมื่นล้านบาท คาดว่า จะจ่ายให้กับเกษตรกรได้ครบ อย่างช้าไม่เกิน 20 มิ.ย. เพราะระบบการจ่ายเงิน อยู่ที่วันละ 4,000 -5,000 ล้านบาท และในวันนี้จะมีเงินกู้ 3 หมื่นล้านบาทเข้ามา ทำให้การจ่ายเงินเกิดความต่อเนื่อง จะไม่ส่งผลกระทบหรือทำให้เกิดปัญหาต่อสภาพคล่องทางการเงินของ ธ.ก.ส.