นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อหลังชี้แจงกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในคดีจำนำข้าวนานกว่า 3ชั่วโมง ถึงรายละเอียดการไต่สวน โดยระบุเพียงว่าเพื่อรักษามารยาทของการให้ปากคำคดีดังกล่าว ทั้งนี้กรรมการ ป.ป.ช.ไม่ได้ร้องขอเอกสารหรือข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมอีก
นายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า การไต่สวนพยานตามการร้องขอของทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แล้วเสร็จแล้วในวันที่ 6 มิ.ย. ส่วนขั้นตอนต่อจากนั้นต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะพิจารณาเรื่องใดเพิ่มเติมหรือไม่ คาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง เพราะกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ได้ตรวจสอบนั้นจะเป็นในส่วนของคดีอาญา และหากป.ป.ช.มีมติว่าเป็นความผิดทางอาญาก็จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดเป็นขั้นตอนสุดท้าย
สำหรับการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนักการเมือง ยืนยันว่า ป.ป.ช. สามารถดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 เพราะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้คงกฎหมายฉบับดังกล่าวไว้ ดังนั้นเชื่อว่าการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองเป็นพิเศษ จำนวน 5คนที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว อาทิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้นจะไม่มีปัญหาข้อโต้แย้งแน่นอน
ส่วนการตรวจสอบหรือการให้แจ้งรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะ คสช. นั้นตามกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจกับ ป.ป.ช. ไว้ แต่ในส่วนของการดำรงตำแหน่งทางราชการระดับสูง เช่น ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งอยู่นั้น ตามกฎหมายกำหนดให้ยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นปกติอยู่แล้ว