*ตำรวจปะทะผู้ประท้วงในบราซิลต่อเนื่อง ก่อนฟุตบอลโลกเปิดฉาก*

เกิดเหตุปะทะระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วงในหลายจุดในเมืองเซาเปาโลของบราซิล ทั้งที่บริเวณรถไฟใต้ดิน และบนท้องถนนด้านหน้าธนาคารกลาง เพื่อประท้วงต่อต้านการทุ่มเงินงบประมาณของรัฐบาลในการเตรียมพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย. ท่ามกลางความหวาดกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในช่วงระหว่างการแข่งขัน โดยตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาและไม้กระบองไล่กลุ่มผู้ประท้วงหลายคนที่เข้าไปในบริเวณสถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่ง เนื่องจากฝนที่ตกลงอย่างหนักจนเพิ่มปัญหาให้กับการจราจร ผู้โดยสารที่ใช้รถไฟใต้ดินเป็นประจำต้องตกค้างอยู่ตามสถานีต่างๆ ประมาณ 4 ล้าน 5 แสนคน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับความกดดันอย่างหนักให้เร่งแก้ปัญหาการชุมนุมในบริเวณสถานีรถไฟใต้ดินที่เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญไปยังสนามกีฬาแห่งใหม่ "โครินเธี่ยนส์" ซึ่งเตรียมพร้อมรองรับแฟนฟุตบอลจำนวนมาก



ส่วนการชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าธนาคารกลางบราซิลเป็นไปโดยสันติ แม้กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินว่ามีจำนวนประมาณ 3,000 คน จะขัดขวางการจราจร โดยกลุ่มผู้ชุมนุมแสดงความไม่พอใจที่ข้อเรียกร้องให้มีการขึ้นเงินเดือนแรงงานเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ประสบความล้มเหลว ขณะที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณไปกับการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แทนที่จะนำไปใช้ปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคตามสัญญา ทั้งการซ่อมถนน รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางเดียว เส้นทางรถไฟใต้ดิน ตลอดจนการพัฒนาโครงการภาคสังคมและการเคหะ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ยากไร้ที่ยังมีอยู่จำนวนมาก นอกจากนี้ พบว่ามีกลุ่มครูและนักศึกษาที่ออกมาร่วมการชุมนุมประท้วงด้วย อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีดิลมา รูสเซฟ กล่าวปกป้องการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกว่า การใช้จ่ายในโครงการสาธารณะที่เกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลโลกส่วนใหญ่ก็เพื่ออนาคตของประเทศ ไม่ได้จำกัดแค่ในการแข่งขันฟุตบอลโลก แม้ว่าโครงการขนส่งสาธารณะบางแห่งจะไม่เสร็จสิ้นได้ทันการแข่งขันครั้งนี้ ทั้งนี้ กระแสความไม่พอใจของชาวบราซิลได้ส่งผลให้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีรูสเซฟลดลงเหลือร้อย 34 จากร้อยละ 37 เมื่อเดือนเมษายน แต่ยังถือว่ามีคะแนนนิยมนำผู้สมัครคนอื่นๆ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม

ทีมต่างประเทศ