รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่ม ได้ร้องเรียนเข้ามายังกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้บริษัทผู้ผลิตน้ำอัดลม ได้แจ้งปรับขึ้นราคาจำหน่ายน้ำอัดลม ทั้งน้ำอัดลมขวดแก้ว และน้ำอัดลมกระป๋อง เพิ่มอีกขวดละ 2 บาท ทำให้ราคาขายปลีกเดิม จากขวดละ 10 บาท เป็น 12 บาท โดยอ้างว่า มีต้นทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำตาลทราย ที่ราคาสูงขึ้น และได้รับผลกระทบจากการที่กรมสรรพสามิตปรับขึ้นภาษีกลุ่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล จึงต้องขอปรับราคาจำหน่ายให้สูงขึ้นตามไปด้วย รวมถึงอ้างว่า ได้เพิ่มปริมาณบรรจุให้มากขึ้นด้วย โดยแบบกระป๋องเพิ่มปริมาณจาก 240 มิลลิลิตร เป็น 245 มิลลิลิตร หรือเพิ่มขึ้น 5 มิลลิลิตร แต่แบบขวดแก้วยังปริมาตรสุทธิเท่าเดิม คือขวดละ 250 มิลลิลิตร
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาน้ำอัดลม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาษีน้ำหวาน เนื่องจากภาษีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาผลดีผลเสียอย่างละเอียดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังไม่มีข้อสรุป โดยการปรับขึ้นของราคานั้น คงต้องดูรายละเอียดจากผู้ประกอบการว่าสาเหตุหลักมาจากส่วนใด แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับภาษีแน่นอน
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าปลีก-ส่งแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นน้ำอัดลมยี่ห้อใดปรับขึ้นราคาเลย และไม่เคยทราบข่าวเรื่องการปรับขึ้นราคามาก่อนด้วย ซึ่งส่วนตัวมองว่าในด้านของการแข่งขันไม่น่าการปรับขึ้นราคาในภาวะเศรษฐกิจ แบบนี้ เห็นได้จากตัวอย่างในตลาดชาเขียว ซึ่งใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบ มีแต่จะแข่งขันกันลดราคา หรือปรับขนาดมากกว่า
น้ำอัดลม ถือเป็น 1 ในรายการสินค้าที่กรมการค้าภายในขึ้นเป็นบัญชีที่ต้องติดตามดูแล จากทั้งหมด 205 รายการ และปัจจุบันถูกกำหนดอยู่ในบัญชีต้องจับตามมอง (วอทช์ ลิสต์) ซึ่งเป็นบัญชีต่ำสุดในการติดตามดูแลภาวะราคาสินค้า โดยจะดำเนินการเพียงแค่ติดตาม และตรวจสอบสถานการณ์เป็นประจำทุก15 วัน รวมถึงตรวจสอบไม่ให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภค