การแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 2 ปี ในส่วนวัฒนธรรม ท่องเที่ยว กีฬา และด้านสังคม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าด้านการท่องเที่ยว ได้เน้นการเป็นให้ไทยเป็นเจ้าบ้านที่ดี สร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ พร้อมฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเดิม เมื่อปี 2558 การท่องเที่ยวสร้างรายได้ถึงร้อยละ 16 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ส่วนปีนี้มั่นใจว่าจะมีนักท่อง 33 ล้านคนทำรายได้เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วถึงร้อยละ 33 ขณะเดียวกัน ก็เน้นนโยบายไทยเที่ยวไทย คาดว่าปีนี้จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาเช่นกัน รวมไปถึงส่งเสริมการนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ เน้นเรื่องรักษาความปลอดภัยได้เพิ่มกำลังตำรวจท่องเที่ยวเพื่อประสิทธิภาพในการดูแลนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ด้านวัฒธรรมจัดกิจกรรมแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบัน รวมไปถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมศาสนา ทำกิจกรรมทุกช่วงวันสำคัญของศาสนา โดยประชาชนเข้าร่วมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 ส่งเสริมชุมชนองค์กรคุณธรรม และส่งเสริมประเพณีของไทยด้วยการเผยแพร่ไปยังทุกทวีปทั่วโลก และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมให้ไปแข่งขันทั่วโลก จัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน พัฒนาแหล่งเรียนรู้แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติโดยนำเทคโนโลยีมาใช้
ส่วนการส่งเสริมด้านกีฬา ได้ให้ความสำคัญทำให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในกีฬาระดับโลกทั้งโอลิมปิก พาราลิมปิก รวมไปถึงกีฬาระดับภูมิภาคอีกด้วย ขณะเดียวกัน ได้ปรับปรุงกฎหมายกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติและกีฬาอาชีพ ปรับปรุงกฎหมายยกระดับวิทยาลัยให้มีมหาวิทยาลัยการกีฬา
ขณะที่ด้านสังคม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาสัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้พัฒนาระบบสุขภาพ ทั้งการบริหารจัดการระบบการแพทย์ปฐมภูมิที่มีความใกล้ชิดกับชาวบ้าน ให้มีบุคคลากรการพทย์ในระดับตำบล ยกระดับศูนย์สุขภาพชุมชนเป็นคลินิกหมอครอบครัว เพื่อดูแลประชาชนทุกกลุ่มวัย รวมไปถึงมีทีมหมอที่ทำงานเชิงรุกไปตรวจเยี่ยมประชาชนถึงบ้าน พร้อมให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย โดยในอนาคตจะเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงมากขึ้น ส่วนการพัฒนาระบบเจ็บป่วยฉุกเฉินผลักดันให้ประชาชาสามารถใช้สิทธิได้ทุกโรงพยาบาล ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปยังโรงพยาบาลเอกชนด้วย และรัฐบาลยังถือว่าประสบความสำเร็จในการเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพในการคัดกรองและดำเนินการสำหรับโรคระบาดอีกด้วย นอกจากนี้ ในด้านสังคมยังมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยริมคลองลาดพร้าว ปทุมธานีโมเดล และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ประกอบกับมีการสนับสนุนเงินเด็กแรกเกิดให้กับครัวเรือนที่ยากจนซึ่งได้เพิ่มวงเงินจาก 400 บาทต่อเดือนเป็น 600 บาทต่อเดือน การดูแลผู้พิการ การดูแลผู้สูงอายุให้ได้เข้าถึงบริการทางสังคมและพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่วนในเรื่องการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รัฐบาลทำงานจริงจังจนทำให้ผลการจัดอันดับดีขึ้น จากเทียร์ 3 เป็นเทียร์ 2 อีกด้วย
ผู้สื่อข่าว: ปิยะธิดา เพชรดี