*สรุปข่าว 19.35 น.
+++นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือ จากอิทธิพลของพายุ “ราอี" ในช่วงสองสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้แม่น้ำสายหลักโดยเฉพาะแม่น้ำยม มีปริมาณน้ำจำนวนมาก และได้ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์แล้ว ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดเช้าวันนี้(19 ก.ย. 59)วัดระดับน้ำที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ ได้ 21.86 เมตร(รทก.) ต่ำกว่าตลิ่ง 4.34 เมตร(ตลิ่งสูง 26.20 เมตร(รทก.)) มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,155 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(รับได้สูงสุด 3,590 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) แนวโน้มระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้น จากการประเมินสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าปริมาณน้ำยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา นอกคันกั้นน้ำให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำเอ่อล้นตลิ่งและเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดด้วย
+++นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์เรือล่มหน้าวัดสนามไชย จ.พระนครศรีอยุธยาแล้วว่าเกิดข้อบกพร่องจากจุดใด หากเกิดจากความหละหลวมในการกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าด้วย ก็จะต้องดำเนินการลงโทษตามขั้นตอนต่อไป ส่วนการที่เรือมีการบรรทุกผู้โดยสารเกินที่กำหนดนั้น ก็ต้องดำเนินการตามข้อกฎหมาย เน้นย้ำกับกรมเจ้าท่าว่าจะต้องมีเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือสาธารณะทุกแห่ง ส่วนท่าเรือส่วนบุคคล ก็ต้องเข้าไปดูมาตรฐานความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ต้องตรวจเข้มเรื่องเสื้อชูชีพ ซึ่งเรือทุกลำจะต้องมีให้เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสารด้วย
+++มาตรการกีดกันทางการค้า น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศคู่ค้าของไทยได้มีการนำมาตรการทางการค้าในรูปแบบต่างๆ มาใช้เพิ่มมากขึ้น โดยมีการนำประเด็นเรื่องความปลอดภัยของอาหาร สุขอนามัย สิ่งแวดล้อม และแรงงาน มาเป็นเงื่อนไข ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามให้ถูกต้อง ก็จะกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยไปยังประเทศนั้นๆ ได้ มีข้อมูลจากองค์การการค้าโลก (WTO) ณ วันที่ 30 มิ.ย.2559 พบว่า ในช่วงปี 2558 ที่ผ่านมา มาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ในส่วนมาตรการอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (TBT) มีจำนวนมากถึง 21,181 มาตรการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 53.20% และการปิดฉลาก และมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) จำนวน 14,123 มาตรการ เพิ่มขึ้น 35.47% โดยประเทศที่ใช้มาตรการสูงสุด เช่น สหรัฐ รองลงมา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น
++++นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อสงสัยจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงการกำหนดโทษตัดสิทธิเลือกตั้ง หรือสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี ตามมาตรา 226 วรรคสาม และมาตรา 98 ข้อ 11 ของร่างรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดโทษตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต จึงไม่เขียนเนื้อหาเกี่ยวกับ ใบดำ ไว้ในกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า มาตรา 98 ข้อ 11 คือ ลักษณะต้องห้ามตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต ฐานทุจริตการเลือกตั้ง ที่ต้องมีคำพิพากษาศาลถึงที่สุด ส่วนมาตรา 226 วรรคสาม โทษมี 2 อย่างคือ ตัดสิทธิเลือกตั้ง หรือตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี ซึ่งบางความผิดอาจไม่ถึงขั้นทุจริตเลือกตั้ง แต่ผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ฐานความผิดตามมาตรานี้จะมีระดับของมัน จึงต้องมีการกำหนดแต่ละฐานความผิดให้ชัดในกฎหมายลูก แล้วศาลจะเป็นผู้ชี้ขาด
+++นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภายหลังหารือร่วมกับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ถึงร่าง พ.ร.บ.ประกอบร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ว่า วันนี้ กกต.ได้ชี้แจงถึงสาระสำคัญในร่างกฎหมายดังกล่าวต่อ กรธ.โดยวันที่ 28 ก.ย.นี้ กรธ.จะจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นต่อกฎหมายลูกของ กกต.และเชิญให้ กกต.มารับความเห็น หาก กรธ.มีข้อสงสัย กกต.ก็จะชี้แจงถึงหลักการและเหตุผลที่เขียนกฎหมายในแต่ละมาตรา ส่วนกรณีการกำหนดโทษเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง หรือ ใบดำ ทาง กรธ.ได้ชี้แจงว่าจะเป็นฝ่ายดำเนินการเขียนรายละเอียดเองว่าโทษใดที่เข้าข่ายลักษณะใบดำ เพราะคำว่าทุจริตการเลือกตั้งตามมาตรา 98 (11) ในรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติไม่เคยปรากฏขึ้นในกฎหมายฉบับใดๆ มาก่อน ส่วนที่ กกต.เสนอให้คดีเลือกตั้งไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง เพราะ กกต.เห็นว่าหากมีการไปร้องที่ศาลปกครอง แล้วศาลสั่งระงับการดำเนินการเป็นการชั่วคราว ก็จะทำให้การเลือกตั้งชะงักมีปัญหา กกต.จึงมีข้อเสนอดังกล่าวเพื่อให้การเลือกตั้งไม่สะดุด ส่วนที่ กรธ.เสนอว่าอยากให้ กกต.ชุดปัจจุบันได้เริ่มนับวาระใหม่พร้อมกับ กกต.อีก 2 คน ที่จะมาใหม่นั้น กกต.ไม่มีข้อคิดเห็น เพราะถือว่ามีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้
+++นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรม สนช.กล่าวถึงเรื่องที่มีการยื่นร้องต่อคณะกรรมการป.ป.ช. ให้ตรวจสอบพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะสมาชิกสนช. และบุคคลระดับนายพลอีก 3 คน กรณีอำนวยความสะดวกให้นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา นายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ระหว่างการเดินทางเป็นประธานสร้างฝายชะลอน้ำ ที่อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ว่า สนช.จะยังไม่เรียกให้ พล.อ.ปรีชา มาสอบเรื่องจริยธรรม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของคู่สมรส ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของสมาชิกสนช.โดยตรง เราคงไม่หยิบมาพิจารณาเองหากไม่มีผู้ร้องเข้ามา แต่หากมีผู้ร้อง ต้องมาหารืออีกครั้งว่า เข้าข่ายที่สนช.จะนำมาพิจารณาได้หรือไม่ ในวันพรุ่งนี้(20 ก.ย.) เวลา 14.30 น. นางผ่องพรรณ จะเดินทางมาเป็นประธานเปิดงาน ที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง สมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ย่านศรีสมาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และคาดว่าจะชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว
พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ประสานกับ พล.ต.ธีร์ณฉัฎ จินดาเงิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 กองทัพภาคที่ 4 สนธิกำลังกับตำรวจสันติบาล และตำรวจ สภ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เข้าจู่โจมรีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.ลานสกา หลังเฝ้าติดตามพฤติการณ์ของบุคคลที่อ้างตัวเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงมานานแล้วโดยควบคุม 21 คน เข้าสอบปากคำ โดยหัวหน้าเครือข่ายถูกเรียกว่า “ท่านชาย” หรืออีกชื่อ “ท่านชายอ๊อฟ” เข้ามาทำกิจกรรมสร้างเครือข่ายกองกำลังในนาม “หน่วยพิทักษ์ความปลอดภัยเฉพาะกิจ” มารวมตัวในรีสอร์ทดังกล่าว โดยมีชาวบ้านจากหลายจังหวัดเข้าร่วมเป็นเครือข่าย เพื่อจะเป็นกองกำลังที่คอยอารักขาบุคคลสำคัญ เมื่อเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดที่ตัวเองรับผิดชอบ ซึ่งการสร้างเครือข่ายกองกำลังกลุ่มนี้อยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่มานานหลายเดือนแล้วพบว่าหัวหน้าทีมหรือ “ท่านชาย” คือนายไกรศรี จันทรปัญญา อายุ 47 ปี มีนายพิษณุ อ่ำวงษ์ษา อายุ 65 ปี อยู่ อ้างว่าเป็น “ผู้การ” ผู้ติดตาม ซึ่งจะร่วมกันทำกิจกรรมมาแอบอ้างเบื้องสูงมาโดยตลอด
+++จากการสอบสวนเบื้องต้นกลุ่มดังกล่าวยอมรับสารภาพว่า เป็นประชาชนธรรมดา ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์และทหารแต่อย่างใด สำหรับพฤติกรรมของกลุ่มที่อ้างตัวเป็นหน่วยพิทักษ์ความปลอดภัยเฉพาะกิจ มีนายไกรศรี กับนายพิษณุ อ้างเป็นบุคคลชั้นสูงและนายทหารเป็นผู้ติดตาม พยายามเข้ามาสร้างเครือข่ายกองกำลังและเข้าเยี่ยมเยียนตามวัดวาอาราม หรือเป้าหมายต่างๆ ในลักษณะการเป็นบุคคลชั้นสูงหลอกลวงชาวบ้าน ซึ่งล่าสุดกลุ่มนี้ได้ประสานงานไปที่วัดสวนขันธ์ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ระบุว่าจะอัญเชิญกฐินหลวงไปยังวัดดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สามารถเก็บหลักฐานที่แอบอ้างการเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงไว้ได้ทั้งหมด ส่วนอีก 19 คนนั้น จะสอบสวนว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ ซึ่งจะสอบสวนตามเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
+++ยึดทรัพย์คดีจำนำข้าว นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ขณะนี้นั้นคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลโดยอยู่ในขั้นตอนของการไต่สวนพยานโจทก์ ส่วนของตนยืนยันว่าการดำเนินการระบายข้าวเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย และระเบียบแบบแผนที่ปฏิบัติโดยถูกต้อง ต่อมาจะมีการอาศัยอำนาจตาม มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ออกคำสั่งพิเศษให้ตนชดใช้ค่าเสียหายและยึดทรัพย์ มองว่าผิดปกติและไม่เป็นธรรมในการออกคำสั่ง แทนที่จะให้ความเป็นธรรมกับตน โดยนำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อให้ตนต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์เหมือนกับที่ศาลฎีกาฯทำอยู่ ดีกว่าการใช้อำนาจพิเศษ เพราะคำสั่งบังคับทางปกครองนี้ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ไม่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและความเป็นจริงและเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฎหมาย แต่เป็นเรื่องที่จะล้มล้างกันในทางการเมืองให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องดับสูญสิ้น
+++นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เมื่อ 19 ก.ย.ว่า ตลอด10 ปีมีการยึดอำนาจ 2 ครั้ง แต่การต่อสู้ของประชาชนไม่เคยเปลี่ยนแปลง ล่าสุดการยื่นถอนประกันตัว นปช. 4 คน นั้นยังถูกเลื่อนการไต่สวนจาก ม.ค. 2560 มาเป็นวันที่ 3 ต.ค.นี้ ซึ่งไม่เกินอีก 3 สัปดาห์
+++นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวรวมถึงททท.มาหารือ เพื่อประเมินสถานการณ์เรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญทั้งหมด หลังจากที่รัฐบาลได้ดำเนินการปราบปรามเรื่องนี้อย่างจริงจัง พร้อมหามาตรกาป้องกันและมาตรการรองรับ เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพราะขณะนี้ใกล้เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว รวมทั้งในช่วงต้นเดือนต.ค.นี้ ยังตรงกับวันหยุดของชาวจีน จึงจำเป็นต้องสร้างแรงกระตุ้นและแรงดึงดูดอย่างหนัก
+++กรมอนามัยย้ำกฎหมายป้องกันท้องวัยรุ่น กำหนดชัดห้ามโรงเรียนไล่เด็กตั้งครรภ์ออก คุ้มครองให้ได้เรียนต่อ พร้อมรับสวัสดิการสังคม นพ.กิตติพงศ์ แซ่เจ็ง ผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย สธ. กล่าวว่า ขณะนี้พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ครอบคลุมการดูแลวัยรุ่นคือ อายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป แต่ถึง 20 ปี พ.ร.บ.ฉบับนี้กำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ซึ่งเป็นคณะกรรมการระดับชาติ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในการจัดทำนโยบายยุทธศาสตร์ และให้มีการตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดเพื่อทราบปัญหาที่แท้จริงในพื้นที่ และหากแนวทางที่เหมาะสมกับพื้นที่ของตัวเองได้ เช่น พ่อแม่ยังไม่เข้าใจเรื่องการสอนเพศวิถีที่ถูกต้อง การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย หรือการเข้าถึงบริการอนามัยเจริญพันธุ์ สถิติการคลอดบุตรของแม่วัยรุ่นประเทศไทย ปี 2558 พบว่า มีวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี มาคลอดบุตรรวม 104,289 คน เท่ากับแต่ละวันมีเด็กเกิดจากแม่วัยรุ่นถึง 286 คน
+++นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่าภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไทยตลอดวันนี้ดัชนีฯยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ดี สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคด้วยแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ คาดว่านักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดกลางสัปดาห์นี้ ปิดตลาดภาคบ่ายดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดที่ 1,492.73 จุด เพิ่มขึ้น 13.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 60,625.75 ล้านบาท
+++ดัชนีฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 214.86 ที่ 23,550.45 จุด