หลังเศรษฐกิจส่งสัญญาณ อ่อนตัว นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้จะพบว่ามีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มอ่อนตัวลง เช่น เรื่องการลงทุนจากภาพรวมยอดขายปูนซิเมนต์ที่ปรับตัวลดลง และการจำหน่ายรถยนต์ในภาคขนส่งที่มีสัญญาณอ่อนตัวลง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวสะท้อนการบริโภคที่ปรับตัวลดลง โดยในส่วนนี้กระทรวงการคลังจำเป็นต้องเข้าไปดูแลในจุดที่มีความอ่อนแอลง ส่วนในไตรมาส 4 นั้น รัฐบาลจะพยายามสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่หากส่วนใดที่ไม่ดีหรือมีปัญหาก็จะลงไปกระตุ้นให้เติบโตได้
ส่วนการหารือกับ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่ง IMF มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี เป็นประเทศที่มีความมั่นคงสูงที่สุดในกลุ่มของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวส่วนใหญ่ยังมีปัญหาเรื่องเงินทุนไหลออก ขณะที่ไทยไม่มีปัญหานี้ และพบว่ายังมีการไหลเข้าของเงินทุนอีกด้วย แต่ IMF ยังติงเรื่องการลงทุนของภาคเอกชนไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็เข้าใจว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเสี่ยงสูง
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจตอนนี้ที่ปรับตัวดีขึ้นจาก ร้อยละ 0.8 ในปี 57 มาอยู่ที่ ร้อยละ 3.5 ได้นั้น มองว่าอาจเป็นประเทศเดียวในโลกที่ทำแบบนี้ได้ แต่การเติบโตที่ร้อยละ3.5 จะไม่สามารถยั่งยืนได้ ถ้าไม่ทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีความแข็งแรงพอ หลังจากนี้รัฐบาลจะให้กระทรวงการคลัง และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหรกณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เร่งหามาตรการเข้าไปให้ความช่วยเหลือ
โดยยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะชะลอตัว เศรษฐกิจสหรัฐฯ และญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งเมื่อ 2 ประเทศนี้ยังไม่ฟื้นก็จะส่งผลให้การส่งออกยังทรงตัว ถือว่าเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมที่สำคัญ หากไม่มีการส่งเสริมด้านดิจิทัล หรือไม่ยกระดับการส่งออกสินค้า แม้ค่าเงินจะอ่อนลงไปแค่ไหนก็ไม่สามารถจะขายสินค้าได้ ซึ่งการทำมาตรการระยะสั้นเพื่อพยุงไม่ให้เศรษฐกิจทรุดตัว และจะพยายามดูแล sector ที่อาจมีผลกระทบ เช่น กลุ่มคนจน หรือเกษตรกร และไม่อยากให้มีการพูดเรื่องการเมืองในตอนนี้ เพราะถือว่าไม่มีประโยชน์ จึงอยากวางรากฐานประเทศให้เห็นผลมากที่สุด
แฟ้มภาพ