ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ สมัยที่ 71 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าร่วมกิจกรรมระดับสูงว่าด้วยการมีผลใช้บังคับของความตกลงปารีส ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก โดยพล.อ.ประยุทธ์ได้ยื่นสัตยาบันสารเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงปารีสของไทยให้กับนายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติซึ่งเป็นความตกลงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่ โดยประเทศต่าง ๆ ตกลงร่วมกันที่จะมุ่งรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส และให้มีความพยายามเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียส เพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวและทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำและมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยความตกลงปารีสจะมีผลบังคับใช้ได้ต่อเมื่อมีรัฐภาคีอย่างน้อย 55 ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อยร้อยละ 55 ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของโลกมอบสัตยาบันสารหรือภาคยานุวัติสารเพื่อเข้าเป็นภาคีความตกลงปารีสดังกล่าว
+++เซตซีโร่ นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกิจการงานเลือกตั้ง อยากให้ กรธ. ระบุชัดถึงแนวทางการเซตซีโร่กรรมการองค์กรอิสระต่างๆว่า ยืนยันกรธ.ยังไม่ได้อภิปราย หรือมีข้อยุติในเรื่องนี้ โดยเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติกำหนดให้อำนาจหน้าที่ คณะกรรมการขององค์กรอิสระต่างๆเป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการสัมมนารับฟังความเห็นในวันที่ 28 กันยายนนี้ ทั้งนี้ประเด็นเซตซีโรองค์กรอิสระ ไม่ได้ยุติที่กรธ. แต่เป็นสนช.ที่จะพิจารณาอีกครั้งก่อนประกาศใช้ด้วย
+++ศาลรัฐธรรมนูญนัดอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยและนัดแถลงด้วยวาจาก่อนการลงมติและลงมติในวันที่ 28 กันยายนนี้กรณีคำถามพ่วงสอดคล้องกับการทำประชามติหรือไม่
+++ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตร มว.พาณิชย์ ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า จะฟ้องกลับทั้งทางอาญาและทางแพ่งกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่มีส่วนในการลงนามหนังสือบังคับทางปกครองเรียกค่าเสียหายจากการขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ว่า ไม่กังวล และไม่หนักใจ เพราะมั่นใจว่าการดำเนินการที่ผ่านมาทั้งหมด ได้ตามขั้นตอนที่ถูกต้องและรอบคอบแล้ว หากนายบุญทรงจะฟ้องร้องดำเนินคดี ก็สามารถทำได้ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการเพื่อ ส่งหนังสือแจ้งไปยังผู้ที่ถูกเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหายทั้ง 6 ราย และตามขั้นตอน ต้องชดใช้ค่าเสียหายภายใน 30 วัน หากครบ 30 วันแล้ว ยังเพิกเฉย ก็จะส่งหนังสือแจ้งเตือนอีก 15 วัน หากยังไม่จ่ายอีก ก็จะส่งเรื่องเข้าสู่ขั้นตอนการบังคับคดีต่อไป โดยมีกรมบังคับคดีที่จะไปดำเนินการอายัดทรัพย์ตามกฎหมาย
ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคม ผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า มาตรการที่จะเสนอรมช.พาณิชย์หากมีการเรียกเข้าไปหารือ โดยจะเสนอให้มีการจ่ายเงินทางตรงให้กับชาวนาประมาณตันละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นการเพิ่มอำนาจการซื้อให้กับชาวนาทางตรงโดยที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับกลไกตลาดข้าว ทั้งนี้ประเมินว่าชาวนาที่จะได้รับการช่วยเหลือจากการจ่ายเงินทางตรง ซึ่งเป็นชาวนาที่มีพื้นที่ปลูกข้าวไม่เกิน 20 ไร่/ครัวเรือน มีอยู่ประมาณ 3 ล้านครัวเรือน รัฐบาลอาจต้องใช้งบประมาณมาจ่ายเงินทางตรงประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาทน่าจะเพียงพอ
สถิติการส่งออกข้าวตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค.-6 ก.ย.59 พบว่าอินเดียส่งออกข้าวได้แล้ว 6.9 ล้านตัน มากสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก รองลงมาคือไทยส่งออกข้าวได้ที่ 6.4 ล้านตัน เวียดนามส่งออกข้าว 3.2 ล้านตัน ปากีสถานส่งออกข้าว 2.5 ล้านตัน และสหรัฐส่งออกข้าว 2.3 ล้านตัน ซึ่งสมาคมฯ ยังคงประเมินว่าการส่งออกข้าวทั้งปีของไทยจะอยู่ที่ 9.4-9.5 ล้านตัน แต่จะแซงอินเดียกลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งหรือไม่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ด้านนายมานัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ในวันที่ 24 ก.ย.นี้ สมาคมฯ จะมีการประชุมสมาชิกโรงสีที่ จ.สุรินทร์ ซึ่งจะประเมินผลผลิตข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2559/60 ที่ทยอยออกมา โดยคาดว่าจะมีผลผลิตข้าวเปลือกออกมาพร้อมกันในช่วงเดือนพ.ย. 13.79 ล้านตัน ซึ่งมาตรการที่ภาครัฐดำเนินการออกมา 17 มาตรการ เช่น รับจำนำข้าวหอมมะลิยุ้งฉาง และจ่ายชดเชยดอกเบี้ย 3% ให้กับโรงสีซื้อข้าวมาเก็บสต๊อก อาจช่วยดูดซับปริมาณผลผลิตเพื่อพยุงราคาข้าวได้เพียงบางส่วนเท่านั้น โดยในการประชุมกับสมาชิกโรงสีอาจมีมาตรการดูแลราคาข้าวมาเสนอกับกระทรวงพาณิชย์เพิ่มเติม
+++ศาลมีคำสั่งคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา “แทน เทือกสุบรรณ-บรรเจิด เหล่าปิยะสกุล” บุกรุกที่เขาแพง สุราษฎร์ธานี กว่า 40 ไร่ ขณะที่ “พรชัย ฟ้าทวีพร-โกเข็ก สามารถ เรืองศรี” กลุ่มนายหน้าค้าที่ดิน โดนจำคุกคนละ 5 ปี ไม่รอการลงโทษ ชี้ชัดป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติสำคัญ การเปลี่ยนแปลงเป็นประโยชน์ตัวเอง เป็นเรื่องร้ายแรง น ศาลให้ประกัน ตีราคาประกันคนละ 500,000-800,000 บาท พร้อมสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
++++การเปิดให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนรับสวัสดิการจากภาครัฐ 8.3 ล้านคน นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน เพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขกำหนดมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี คาดว่าจะตรวจเสร็จเดือนตุลาคมนี้ ก่อนเสนอ ครม.พิจารณาการรับสวัสดิการกับผู้มีรายได้น้อย 2-3 มาตรการ เช่น มาตรการเกี่ยวกับรายได้และมาตรการดูแลความเสี่ยงในการดำรงชีวิต เช่น การทำประกันชีวิต จึงต้องหารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อจัดสรรงบประมาณดูแลระบบสวัสดิการคาดว่าต้องใช้เงินเกิน 1,000 ล้านบาทต่อปี คาดว่าเสนอ ครม.ได้เร็ว ๆ นี้ เพื่อมอบสวัสดิการให้ประชาชนได้ในไตรมาส 4 ปีนี้
+++ในวันนี้จะมีการประชุมเร่งแก้ไขปัญหาจราจรกันต่อเนื่อง พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ซึ่งได้เร่งแก้ปัญหาจนพบจากการเก็บสถิติว่า การจราจรใน 21 เส้นทางหลักของ กทม.ดีขึ้น ถนนพระราม 4 ที่รับรถมากจากทุกเส้นทาง นอกจากนี้ในถนน พระราม 2 ซึ่งเป็นเส้นทางที่ระบายรถออกไปทาง จ.สมุทรสาคร เดิมในช่วงเช้าเวลา 08.50 นาที ถึงจะสามารถระบายรถออกได้หมด แต่หลังจากได้เริ่มแก้ปัญหาก็ใช้เวลาเหลือ 08.30 นาที ก็สามารถระบายรถได้หมด แสดงว่าการจราจรดีขึ้น เนื่องจากระบายรถเร็วขึ้น 20 นาที แต่ปัญหาใหญ่ที่ยังพบคือมีพื้นที่แอ่งกระทะ โดยเฉพาะเส้นทางรัชดาฯ ซึ่งจะต้องเร่งแก้ไขต่อไป นอกจากนี้ทาง บช.น.เตรียมสร้างแฟนเพจทางเฟซบุ๊กและแอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนได้เข้ามาแสดงความเห็น หากพบเจอการจราจรที่ติดขัดก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการได้ทันที ตามสถิติ ปัญหาการจราจรติดขัดเกินร้อยละ 70 เกิดจากประชาชนไม่เคารพกฎจราจร ขาดวินัย เอาแต่สะดวกจนส่งผลถึงภาพรวม การจราจรทั้งระบบต้องเสียหาย ตำรวจเชื่อการจราจรกรุงเทพฯ จะหมดปัญหารถติด หากผู้ใช้รถใช้ถนนมีจิตสำนึก มีมารยาทบนท้องถนน เคารพกฎจราจรและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
บริษัทการบินไทย ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้ เที่ยวบินที่ทีจี 221 เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต มีกำหนดออกเดินทางจากท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ เวลา 18.15 น. และถึงท่าอากาศยานภูเก็ต เวลา 19.35 น. ขณะนั้นท่าอากาศยานภูเก็ตมีฝนตก แต่ยังอยู่ในทัศนวิสัยที่สามารถทำการบินลงจอดได้ นักบินจึงได้นำเครื่องบินลงจอด แต่ขณะที่ล้อเครื่องบินลงแตะพื้น คาดว่าเกิดมีลมกรรโชกแรงมาปะทะ ทำให้เครื่องเซ และล้อแฉลบออกนอกรันเวย์ นักบินสามารถบังคับเครื่องบินให้กลับเข้ารันเวย์ได้และนำเครื่องเข้าจอดที่หลุมจอดได้อย่างปลอดภัย และไม่มีผู้โดยสารและลูกเรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด หลังจากนั้นได้ตรวจพบว่ายางล้อด้านซ้ายทั้ง 4 เส้นแตก ทำให้เครื่องบินไม่สามารถทำการบินเที่ยวกลับได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารในเที่ยวบินขากลับ บริษัทฯ จึงได้ประสานและดำเนินการจัดหาเที่ยวบินอื่นให้ผู้โดยสารเดินทางในเที่ยวกลับแทน สำหรับสาเหตุที่ยางทั้ง 4 เส้นแตก บริษัทฯ จะดำเนินการตรวจสอบหาสาเหตุต่อไป สำหรับ เที่ยวบินที่ทีจี221 เส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต ดังกล่าว ทำการบินด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส เอ350 บรรทุกผู้โดยสาร 138คน และลูกเรือ 14 คน
+++หลังบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมอบหมายให้นายบัณฑิต ทองดี หรือ อ๊อด จัดทำ มิวสิกวิดีโอเพลง (เอ็มวี) "เที่ยวไทยมีเฮ" เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยวิดีโอเพลงดังกล่าวมี "เก่ง" ธชย และ "ฟิล์ม" บงกช ขับร้องและร่วมแสดงนำ มีการแต่งกายด้วยชุดโขนเป็นตัวละครจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ทั้งทศกัณฐ์ นางสีดา และบรรดาเหล่ายักษ์ พาตระเวนเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ของประเทศไทยทั้งเล่นเจ็ตสกี นั่งตุ๊กตุ๊ก ขี่จักรยาน อยู่บนบอลลูน โดยเริ่มเผยแพร่ให้ได้ชมกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน แต่หลังเอ็มวีเผยแพร่ออกไป น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย อดีต ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ได้เข้าร้องเรียนไปยังสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (วิทยาลัยนาฏศิลป) ถึงความเหมาะสมในการนำเสนอมิวสิกวิดีโอว่าไม่เหมาะสม เป็นการทำลายวัฒนธรรม และเกียรติของโขนไทย ขณะเดียวกันโลกโซเชียลได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้โดยมีความคิดเห็นต่างมุมมองกันทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยบางคนยังนำภาพตัวละครเอกเช่นหนุมานมาล้อเลียน ขณะที่บางรายทำเป็นภาพการ์ตูนล้อเลียนประเด็นที่เกิดขึ้นอย่างเผ็ดร้อน
+++นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้รับทราบข้อมูลที่ร้องเรียนมาแล้ว แต่ติดราชการที่ประเทศจีน จึงมอบหมายให้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ไปหารือร่วมกันเมื่อวันที่ 19 กันยายน โดยมีข้อหารือร่วมกันกับผู้กำกับว่า จะตัดต่อเอ็มวีดังกล่าวใหม่ โดยตัดเนื้อหาส่วนที่ห่วงใยออก และแจ้งให้ น.ส.ลัดดา ทราบใน วันที่ 27 กันยายน อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.อภินันท์โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าหารือเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันใน วันที่ 22 กันยายน นี้ เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงวัฒนธรรมเช่นกัน ด้านนายบัณฑิต ทองดี หรือ อ๊อด ผู้จัดทำมิวสิกวิดีโอเพลง ชี้แจงว่า ตอนนี้ได้หารือกับ น.ส. ลัดดา โดยตกลงกันว่าให้ดำเนินการตัดต่อแก้ไขเอ็มวีใหม่ และจะมีผลงานให้ดูในวันที่ 27 กันยายนนี้ แต่หากเอ็มวีที่แก้ไขแล้วคนดูยังไม่แฮปปี้จะถูกแบน แต่ขอยืนยันว่า สาเหตุที่ทำเอ็มวีตัวนี้เพราะบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งจ้างทำ เพื่อต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย ชื่อบริษัท วี แบงคอก