+++นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่ จ.นครสวรรค์ เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีน้ำหลากจากแม่น้ำสะแกกรัง ในพื้นที่จ.อุทัยธานี ไหลลงมาสมทบกับแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา อีกทั้งมีฝนตกชุกกระจายทั่วทั้งในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทำให้ไม่สามารถรับน้ำเข้าระบบชลประทานได้เต็มศักยภาพ จึงทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. เย็นวานนี้ มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 1,300 ลบ.เมตรต่อวินาที คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาสูงถึง 1,500 ลบ.เมตรต่อวินาที จะกระทบต่อพื้นที่ริมแม่น้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ลงมา มีระดับน้ำสูงขึ้นจากเดิมอีก 60-80 ซ.ม. ส่วนระดับน้ำบริเวณ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา จะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอีก 30-50 ซ.ม.
+++ด้านสำนักชลประทานที่ 12 ออกประกาศเตือนสถานการณ์น้ำฉบับที่ 4 ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดลุ่มแม่น้ำภาคกลาง ให้เตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำที่จะเพิ่มสูงขึ้น หลังเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำไปอยู่ที่ 1,301 ลบ.เมตรต่อวินาที ประสาน 7 จังหวัดภาคกลางลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี
+++กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีฝนชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณจังหวัดราชบุรี สมุทรสงคราม ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ระนอง พังงา และภูเก็ต คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร จากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกหนักบางแห่ง ทั้งนี้ ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ฝนร้อยละ 80 ของพื้นที่
+++ขึ้นไปทางเหนือ สภาพอากาศในช่วงเช้า เริ่มเย็นลง มีลมหนาวพัดเข้ามาก่อนจะเริ่มมีแดดออก น.ส.จารุวรรณ ยิ้มหิ่น ฝ่ายประชาสัมพันธ์สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ระยะนี้บนยอดดอย ยังมีฝนตกบ้างประปราย อุณหภูมิเฉลี่ย 16-22 องศาเซลเซียส อากาศกำลังเย็นสบายจนถึงหนาว จุดที่เป็นไฮไลต์ของนักท่องเที่ยวในช่วงนี้คือ ทะเลหมอก เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมลงไม้ดอกหลากหลายชนิด เพื่อให้พร้อมบานสะพรั่งส่งท้ายปลายฝนต้นหนาวในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน
+++เหตุเรือล่มที่จ.พระนครศรีอยุธยา นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า ลงนามในคำสั่งกรมเจ้าท่าที่ 772/2559 ย้ายให้นางหทัยกาญจน์ เพ็ญกูล นักวิชาการขนส่งชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานนทบุรี ไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักมาตรฐานทะเบียนเรือ โดยให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการสำนักจะมอบหมายเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าเรือลำดังกล่าวไม่มีการจัดทำประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนด แต่นางหทัยกาญจน์ มีการลงนามต่ออายุใบอนุญาตให้กับเรือลำดังกล่าว ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎกระทรวงฉบับที่ 48 (พ.ศ.2530) ตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน หากผลสอบพบว่าเข้าข่ายมีความผิด จะตั้งกรรมการสอบวินัย เพื่อเอาผิดทางวินัยต่อไป ซึ่งจะใช้เวลาสอบอีก 20 วัน
+++ด้านนายณัฐ จับใจ รองอธิบดีจท. กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของกรมเจ้าท่า อยู่ระหว่างตรวจสอบทุกเรื่องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เรือล่ม ไม่ว่าจะเป็นเรือไม่ได้ต่อใบอนุญาตจริงหรือไม่ การจ่ายเงินประกันภัยคุ้มครองผู้โดยสารแต่เจ้าหน้าที่ของกรมเจ้าท่าไม่นำไปจ่ายให้ทางประกันจริงหรือไม่ รวมถึงการการก่อสร้างเขื่อนบริเวณวัดสนามไชยได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าหรือไม่ โดยทุกเรื่องดังกล่าวจะต้องได้ข้อสรุปภายใน วันที่ 30 กันยายนนี้ เรื่องดังกล่าวนี้มีรายงานระบุว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่พอใจอย่างมาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เตรียมที่จะเข้าไปตรวจสอบด้วยรวมทั้งกรณีอื่นๆด้วย
+++คดีจำนำข้าว นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันการคัดค้านการแต่งตั้ง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง คดีที่กล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งหมด 15 คดี โดยใน 6 คดี มี น.ส.สุภาเป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน
+++กรณีฝ่ายกฎหมายกระทรวงพาณิชย์ จัดส่งเอกสารลงทะเบียน หลังนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงนามในคำสั่งทางปกครองให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวกรวม 6 ราย มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท จ่ายค่าเสียหายแก่รัฐในการขายข้าวแบบจีทูจี นายบุญทรง เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารคำสั่งอย่างเป็นทางการจากกระทรวงพาณิชย์ จึงจะให้ทีมกฎหมายได้ศึกษา และดำเนินการฟ้องกลับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งทางแพ่งและทางอาญา ยืนยันพร้อมจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด ยอมรับเครียด แต่ไม่คิดจะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะเชื่อมั่นในหลักการของกฎหมายที่จะสามารถชนะคดีและยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองได้
+++เช้านี้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงสรุปสาระสำคัญของร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
+++กรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)เตรียมจัดสัมมนารับฟังความเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 28 กันยายนว่า กกต.จะส่งตัวแทนไปชี้แจง 2 คน คือ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ และ พ.ท.สดุดี ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม ผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ
+++จากนั้นในวันที่ 29 กันยายน กกต.จะไปพบ กรธ.เพื่อชี้แจงสาระสำคัญและพูดคุยเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.โดยจะมีตัวแทน กกต. 2 คน คือ นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. และนายประวิช รัตนเพียร กรรมการ กกต. ซึ่งประเด็นหลักที่จะคุยกันจะเป็นเรื่องที่เห็นต่างกับทาง กรธ. คือเรื่องการยุบ กกต.จังหวัด ที่ทาง กกต.ยังเห็นว่าจำเป็นต้องมีอยู่ แต่ต้องมีการสรรหาคนที่เป็นกลางทางการเมืองและใช้วิธีการที่ประหยัดงบประมาณมากขึ้น และเรื่องการสรรหา กกต.เพิ่มอีก 2 คน ที่ต้องมาจากโควต้าสายสรรหา ก่อนหน้านี้มีกระแสการผลักดันให้มาจากสายศาล เพราะปัจจุบัน กกต.มาจากสายศาล 2 คนอยู่แล้ว หากให้มาจากสายศาลอีกจะผิดจากข้อเท็จจริง และตามบทบัญญัติของร่างรัฐธรรมนูญจะทำไม่ได้
แฟ้มภาพ