นายกฯ ยอมรับห่วงพลเอกปรีชา แต่ก็ขอให้แยกแยะจากการทำงานของรัฐบาล

กระแสวิจารณ์ครอบครัวของพลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่การตั้งชื่อฝาย มาจนถึงการประมูลโครงการภายในกองทัพภาคที่ 3

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ซึ่งยังเป็นพี่ชายของพลเอกปรีชา กล่าวยอมรับว่ามีความเป็นห่วงน้อยชาย แต่หากจะมีการโจมตีในทางการเมืองก็ขอให้โจมตีมาโดยตรง เพราะก็โดนโจมตีในลักษณะเช่นนี้อยู่แล้ว ทั้งย้อนถามกลับว่าหากเรื่องนี้เกิดกับคนในครอบครัวจะเป็นห่วงหรือไม่ โดยในเรื่องนี้ ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง และเป็นเรื่องที่พลเอกปรีชาต้องรับผิดชอบ แต่ขอว่าอย่าวิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่ได้จริงจังเรื่องนี้ เพราะเป็นคนละเรื่องกับการทำงานของรัฐบาล และหากมีการฟ้องร้องก็ขอให้ดำเนินการสอบสวนมา

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งสรุปความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวโดยเห็นชอบให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบเฉพาะตัวแต่เพียงผู้เดียวในสัดส่วนร้อยละ 20 ของมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนเงิน 35,717 ล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในทางอาญา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีการดำเนินการไปแล้ว ดังนั้นรัฐบาลต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดปี 2539 หากไม่ดำเนินการก็จะมีความผิดตามกฏหมายมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้งใครและไม่ได้เร่งรัดคดี แต่เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่ต้องให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ทั้งยืนยันว่า ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฏหมาย จึงอยากให้ใช้กฎหมายมาคุยกัน มิเช่นนั้นจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมิวสิกวิดีโอเที่ยวไทยมีเฮ ที่มีการนำตัวละครโขนในวรรณคดีรามเกียรติ์มาประยุกต์ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ว่าส่วนตัวได้รับทราบและได้มีการพูดคุยกัน เบื้องต้นได้มอบให้นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ไปหาทางแก้ไขปัญหา โดยเห็นว่าการนำตัวละครโขนมาประยุกต์ใช้สามารถคิดได้ 2 ทาง หากคิดแบบครูบาอาจารย์จะมองว่าโขนเป็นศิลปะชั้นสูงที่ควรอนุรักษ์ แต่หากคิดแบบคนรุ่นใหม่ที่นำมาประยุกต์ใช้ในเชิงการท่องเที่ยว ก็ต้องดูความเหมาะสมว่าควรหรือไม่ควร ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเหมาะสม 

..

ผสข.พนิตา สืบสมุทร