+++หลังจากที่พายุไต้ฝุ่นเมกี พัดถล่มไต้หวัน ทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงด้วยความเร็วลม 162 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปกคลุมทั่วทุกภาคของไต้หวันเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ศูนย์กลางของพายุพัดขึ้นฝั่งทางภาคตะวันออก เจ้าหน้าที่ต้องยกระดับคำเตือนให้ระวังอันตรายจากดินถล่มและน้ำท่วม
+++นายลี เหว่ย-เซน โฆษกศูนย์ปฏิบัติการส่วนกลางของไต้หวันแถลงว่า มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ จากการลื่นไถลและอุบัติเหตุรถบรรทุกชน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 167 คน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย 8 คน ซึ่งอยู่บนรถทัวร์แล้วเกิดพลิกคว่ำทางตอนกลางของไต้หวัน
+++อิทธิพลของพายุ ทำให้ฝนตกหนักวัดปริมาณได้ 300 มิลลิเมตรในพื้นที่ตอนใต้และภูเขาทางตะวันออก ต้นไม้หักโค่นและข้าวของปลิวกระจายประชาชนเกือบ 2 ล้านหลังคาเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ แม้จะกลับมาใช้ไฟฟ้าได้อีกครั้งเกือบ 500,000 คนเมื่อวานนี้ เที่ยวบินต้องล่าช้าไป 121 เที่ยวบิน และถูกยกเลิก 253 เที่ยวบิน ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเถ้าหยวน อีก 7 เที่ยวบินต้องเปลี่ยนไปลงสนามบินอื่น ทางการยังต้องสั่งปิดโรงเรียน สำนักงานและระบบขนส่งทางรถไฟเกือบจะทั้งหมด
+++เมกีนับเป็นไต้ฝุ่นลูกที่สี่แล้วในรอบปีนี้ที่พัดถล่มไต้หวัน
+++ส่วนที่จีน วันนี้ ต้องเตรียมรับมือเช่นกัน ศูนย์พยากรณ์สภาพแวดล้อมทางทะเลแห่งชาติจีน ประกาศเตือนภัยระดับสีส้มให้ระวังคลื่นทะเลและเตือนภัยระดับสีเหลืองให้ระวังอันตรายจากพายุ คาดว่าพายุเมกี จะขึ้นฝั่งที่มณฑลฝูเจี้ยนทางภาคใต้ของจีนเช้าวันนี้ คาดว่าจะมีคลื่นสูง 8 เมตรในทะเลจีนตะวันออก บริเวณโดยรอบเกาะเตียวหยู และช่องแคบไต้หวัน นอกจากนี้คาดว่าจะมีคลื่นสูง 150 เซนติเมตรในแถบชายฝั่งของมณฑลเจ้อเจียงและมณฑลฝูเจี้ยน
+++สำหรับจีนมีระดับเตือนภัยอากาศ 4 ระดับ สีแดง เป็นการเตือนภัยขั้นรุนแรง ตามด้วยสีส้ม สีเหลืองและสีฟ้า
+++คณะกรรมการเพื่อการลดอุบัติภัยแห่งชาติและกระทรวงกิจการพลเรือนของจีน ประกาศมาตรการฉุกเฉินเพื่อรับมือกับพายุ เตือนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของกรมป้องกันภัยพลเรือนให้เตรียมพร้อมปฏิบัติงานตลอดวันนี้ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศของจีนคาดว่าจะมีฝนตกหนักในมณฑลฝูเจี้ยน เจ้อเจียง กวางตุ้ง เจียงซีและมณฑลอันฮุยในช่วง 3 วันข้างหน้า
+++ส่วนศึกการประชันวิสัยทัศน์หรือดีเบตระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นัดแรกระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนของพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนของพรรครีพับลิกัน ดำเนินรายการโดยนายเลสเตอร์ โฮลต์ วัย 57 ปี ผู้ประกาศข่าวชื่อดังและมากประสบการณ์ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ซึ่งรับหน้าที่ในรายการโต้วาทีรอบใหญ่ของการเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรก ที่มีผู้ชมเฉพาะในสหรัฐมากกว่า 100 ล้านคนรอเฝ้าชมอยู่หน้าจอโทรทัศน์ ทั้งนี้ กติกาของการโต้วาทีครั้งแรก ยังไม่เปิดโอกาสให้มีการซักถามจากผู้ชมในห้องส่ง หมายความว่าอำนาจในการถามและควบคุมสถานการณ์บนเวทีอยู่ที่นายโฮลต์เพียงคนเดียว ซึ่งนายโฮลต์ ตั้งคำถามหนักกับทั้งนางฮิลลารี และนายทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่นายทรัมป์ยังปฏิเสธเปิดเผยรายงานการเสียภาษีของตัวเอง ความสงสัยเกี่ยวกับสถานที่เกิดของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ และกรณีอื้อฉาวเรื่องอีเมลส่วนตัวของนางฮิลลารี
+++การทำหน้าที่ของนายโฮสต์ช่วงแรกถูกวิจารณ์ว่า ปล่อยให้นายทรัมป์และนางฮิลลารี แสดงความคิดเห็นและโต้แย้งกันได้อย่างอิสระ นานเกินไป เกือบ 45 นาทีโดยไม่มีการขัดจังหวะ และอาจเป็นการควบคุมสถานการณ์ไม่ได้หรือไม่ ขณะที่ตามกฎของการโต้วาทีในครั้งนี้ คือการที่ผู้ดำเนินรายการต้องคอยเตือนเรื่องเวลาให้กับผู้อภิปราย คือมีเวลาตอบคำถามและใช้สิทธิ์โต้แย้งครั้งละไม่เกิน 2 นาที ซึ่งในช่วงหนึ่งนายโฮลต์กล่าวว่าทรัมป์เหลือเวลา 20 วินาทีในการแสดงความคิดเห็น แต่กลับขยายเวลาให้นายทรัมป์เป็น 55 วินาทีก่อนอ่านคำถามต่อไป
+++นอกจากนี้ หลายฝ่าย มองว่า ผู้ดำเนินรายการตั้งใจ เล่นงานนายทรัมป์ และ เข้าข้างนางฮิลลารี มากเกินไปหรือไม่ ซึ่งนายทรัมป์กล่าวกับสื่ออีกหลายสำนักหลังลงจากเวที ว่าสงสัยนายโฮลต์คงเป็นฝ่ายนิยมพรรคเดโมแครต จึงออกมาเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากคณะกรรมการเลือกตั้งรัฐนิวยอร์กซึ่งเป็นภูมิลำเนาปัจจุบันของนายโฮลต์ พบว่านายโฮลต์ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้ว และระบุว่าเป็นฝ่ายนิยมพรรครีพับลิกัน ต้นสังกัดทางการเมืองของนายทรัมป์
+++ความคืบหน้าสาเหตุการตกของเที่ยวบินเอ็มเอช 17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ทางภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันที่ 17 กรกฏาคม 2557 ขณะบินจากกรุงอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์มุ่งหน้ายังกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย คนบนเครื่องเสียชีวิตทั้ง 298 ศพ ล่าสุด ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างนายอันเดร โคบัน ผู้บัญชาการกองทัพอากาศและอวกาศของรัสเซีย ย้ำว่า กองทัพยูเครนยิงเที่ยวบินเอ็มเอช17ของมาเลเซียแอร์ไลน์ ตกเมื่อ 2 ปีก่อน สวนทางกับผลสรุปเดิมที่หลายคนยอมรับคือ เชื่อว่าเครื่องบินลำดังกล่าวถูกยิงโดยขีปนาวุธบุค ยิงมาจากพื้นที่ในความควบคุมของกลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซีย
+++สถานการณ์ในซีเรีย กลุ่มเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนซีเรียในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ระบุว่า การสู้รบที่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในซีเรียมีคนเสียชีวิตกว่า 200 ศพ ก่อนหน้านั้น กองกำลังรัฐบาลซีเรียและฝ่ายต่อต้าน ทำข้อตกลงหยุดยิง 1 สัปดาห์เริ่มเมื่อวันที่ 12 กันยายน แต่หลังจากนั้นการสู้รบเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งนับแต่วันจันทร์ ต่อเนื่องมาจนถึงในขณะนี้ กองกำลังรัฐบาลซีเรีย โจมตีทางอากาศยังที่มั่นฝ่ายต่อต้านในเมืองอเล็ปโปทางภาคเหนือของซีเรียอย่างรุนแรง นอกจากนี้การสู้รบยังขยายวงกว้างไปยังพื้นที่ชานกรุงดามัสกัสและใจกลางเมืองฮอมส์ มีคนเสียชีวิตแล้วกว่า 200 ศพ โดยเฉพาะในเมืองอเล็ปโป บ้านเรือนหลายหลังได้รับความเสียหาย คาดว่ามีชาวบ้านติดอยู่ใต้ซากอาคารอีกหลายคน ทำให้เห็นว่า ประชาคมระหว่างประเทศไม่อาจจะยื่นมือเข้าไปช่วยคลี่คลายปัญหาสงครามในซีเรียตามที่หลายคนคาดหวัง
+++นายไมเคิล ฟัลลอน รมว.กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร กล่าวนอกรอบการประชุมสุดยอด 28 ประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) ที่กรุงบราติสลาวาว่า สหราชอาณาจักรยังคงยึดมั่นต่อจุดยืนเดิมของตัวเอง นั่นคือการคัดค้านแนวคิดใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองทัพสหภาพยุโรป หรือสำนักงานใหญ่สำหรับกองทัพของยุโรป ซึ่งเป็นพันธกิจที่ซ้ำซ้อนกับของนาโตอย่างชัดเจน นายฟัลลอน ยืนยันว่าแม้จะพ้นสถานภาพสมาชิกอียูแล้ว สหราชอาณาจักรยังคงพร้อมร่วมมือและให้ความสนับสนุนด้านความมั่นคงแก่ยุโรปในฐานะสมาชิกของนาโตต่อไป ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทัพอียูและกองบัญชาการร่วมเป็นหนึ่งในแนวคิดร่วมระหว่างเยอรมนีกับฝรั่งเศส ในการสถาปนา ซูเปอร์สเตท ที่ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก
+++เกิดอุบัติเหตุรนแรงที่เนปาล นายโทรัน ปาราจุลิ เจ้าหน้าที่เขตธาติง เปิดเผยว่า รถบัสคันหนึ่งบรรทุกผู้โดยสารมาเต็มคันรถ มีทั้งนั่งอยู่ในรถและขึ้นไปนั่งบนหลังคาส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่เดินทางกลับบ้าน หลังร่วมงานเทศกาลดาชาอิน เทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเนปาล แต่ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำลงข้างทางบนถนนบนเขา ซึ่งมีโคลนไหลบ่าลงมาบนถนน ทางคนขับรถดูเหมือนว่าจะพยายามที่จะขับฝ่าออกไปตอนเกิดเหตุ ตำรวจและทหารได้เข้ามาช่วยเหลือในปฏิบัติการกู้ภัยพร้อมกับชาวบ้าน มีเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำถูกส่งมาจากกรุงกาฐมาณฑุ เพื่อนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล มี 13 คนและเสียชีวิต 18 ศพ
+++การเดินทางโดยนั่งบนหลังคารถบัสถือว่าผิดกฎหมายในประเทศเนปาล แต่ตำรวจไม่มีกำลังพอที่จะไปตรวจสอบการกระทำเช่นนี้ในชนบท นอกจากนั้นอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศเนปาล สาเหตุเพราะถนนหนทางขาดการบำรุงรักษาเช่นเดียวกับรถยนต์ที่เป็นพาหนะ
CR:Focus Taiwan