หลังทำงานครบ 12 วัน เพื่อตรวจค้นวัดพระธรรมกาย นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า แม้ปฏิบัติการจะมีความคืบหน้ามาโดยตลอด แต่ยังทำงานไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่สามารถให้คำตอบกับรัฐบาลและประชาชนได้ หลังการทำงานครบ 12 วัน ภายในสัปดาห์นี้พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ จะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับแผนการทำงานต่อไป ดังนั้นในขณะนี้จึงยังไม่มีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลหรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ส่วนกรณีพระสงฆ์จำนวนมากที่ยังคงเดินทางเข้ามาในพื้นที่วัดพระธรรมกายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้มอบหมายให้พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ โดยได้แต่งตั้งเจ้าคณะอำเภอ และพระวินยาธิการวันละ 9 รูป ให้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลพระสงฆ์ที่เข้ามาชุมนุมในพื้นที่ทุกวัน หากพบว่าไม่ใช่พระสงฆ์ที่อยู่ในวัดพระธรรมกายก็ขอให้เดินทางกลับวัดตามภูมิลำเนา
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีมีผู้ไม่หวังดีกล่าวหาว่า คำสั่งคสช.ฉบับนี้เป็นเหมือนเครื่องมือในการทำลายพระพุทธศาสนานั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เชื่อว่าเป็นความพยายามบิดเบือนตามรูปแบบแนวทางการต่อสู้เชิงข่าวสารเพื่อจะทำลายความน่าเชื่อถือภาครัฐและเบี่ยงเบนความสนใจสังคมจากเรื่องของบุคคลให้ไปเป็นเรื่องขององค์กรวัด หรือเรื่องศาสนา เพราะคนจะรู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องเหล่านี้ได้ง่ายกว่าและในช่วงหลังจะเห็นได้ว่ามีการหยิบยกประเด็น ม.44 มาใช้ เพราะอาจเป็นคำคุ้นเคยทางการเมือง สามารถนำมาเสริมปั้นแต่งให้เป็นประเด็นในมุมต่างๆ ได้ง่ายขอให้มั่นใจแนวทางของผู้บังคับบัญชาต่อการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ภายใต้ คำสั่งฯ ม.44 คงเน้นปฏิบัติภายใต้กรอบ ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่อาจเกิดให้ได้มากที่สุด และกระทำทุกอย่าด้วยสุจริตเหมาะสม ป้องกันไม่ให้ถูกผู้ไม่หวังดีหยิบไปขยายผลในทางลบ
แฟ้มภาพ