พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการ สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย แถลงว่า วันนี้เป็นวันที่ 12 ของปฏิบัติการ รัฐบาลใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 60 ล้านบาท โดยวัดพระธรรมกายได้รับผลกระทบดังนี้ 1.สูญเสีย “เสรีภาพในการนับถือศาสนา” และการเผยแพร่ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 2.กล่องวงจรปิด ที่ประตู 1 ถูกทำลาย 5 ตัว 3.อาหารที่โรงครัวซื้อไว้ ผักสด 1 คันรถ เนื้อหมู 1 คันรถ เน่าเสีย ไม่สามารถนำเข้ามาได้ มูลค่าความเสียหาย 200,000 บาท 4.หมูของชาวบ้านที่จะมาถวายวัด ถูกยึดไป 300 ตัน , ไข่หาย 2,000 ฟอง อาจดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไร้สาระ น่าขำ แต่เป็นเรื่องสะเทือนจิตใจของพุทธบริษัท ที่ของถวายพระสงฆ์ที่ตั้งใจด้วยจิตศรัทธาสูญหายไป
5.น้ำมันที่เตรียมไว้ ถูกสูบออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 98,000 ลิตร มูลค่าความเสียหาย 1.5 ล้านบาท กรณีน้ำมันที่ถูกยึดเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ยึดไว้เป็นของกลางคดีอาญา คำว่า "ทรัพย์ของกลางในคดีอาญา" คือ (1) ทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิด (2) ได้มาโดยผิดกฎหมาย (3) ทรัพย์ของกลางได้ใช้กระทำความผิดหรือตั้งใจกระทำความผิด การเข้ามาตรวจค้น ตรวจยึด หรือกระทำการใดๆ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องกระทำการโดยเปิดเผย บริสุทธิ์ หากการเข้ามาตรวจยึดน้ำมันในครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้แต่ยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งก็ปิดป้ายทะเบียนรถยนต์ ชื่อบริษัทผู้ประกอบกิจการและไม่อนุญาตให้ตัวแทนของเจ้าของน้ำมันถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานในการตรวจยึด กล่าวโดยสรุปคือ ไม่ยินยอมให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ พระสนิทวงศ์ ระบุว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมีวัตถุประสงค์อะไร น้ำมันก็นำมาใช้อำนวยความสะดวกสำหรับรถในองค์กร ไม่ได้นำมาขายโกงราคา หรือเพื่อจะนำไปเป็นเชื้อเพลิงในการก่อเหตุความไม่สงบ เพียงแต่มีปริมาณที่มาก เพราะรถในองค์กรมีจำนวนมากเท่านั้นเอง หากทำการตรวจเสร็จแล้ว ทางวัดพระธรรมกายขอคืนด้วย
6.ถูกตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. ปิดกันเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารของประชาชน เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในการรับรู้ข่าวสารของประชาชน สร้างความทุกข์ใจให้กับประชาชนที่เป็นพ่อแม่ ไม่สามารถติดต่อกับลูกพระลูกเณรในวัดได้ หรือพ่อแม่พี่น้องที่ไม่มีสามารถติดต่อญาติในวัดได้ ความทุกข์ใจของคนเป็นพ่อแม่ญาติพี่น้อง ตีเป็นมูลค่าความสูญเสียไม่ได้ 7.ถูกเจ้าหน้าที่ขึ้นไปเหยียบย้ำขึ้นบน พระมหาธรรมกายเจดีย์ พระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าล้านพระองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิประจำวัด ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ประดิษฐานพระพุทธรูปตัวแทนพระพุทธเจ้า 1 ล้านพระองค์ และที่เจ้าหน้าที่เหยียบขึ้นไป คือ โซนสังฆรัตนะ โดยปกติจะอนุญาตให้เฉพาะพระสงฆ์สามเณร ขึ้นไปนั่งสมาธิเท่านั้น แม้ญาติโยมผู้บริจาคก็ยังไม่เคยได้เดินขึ้นไปบนเจดีย์เลย 8.พระเณรและญาติโยม ขาดสอบบาลี 569 รูป/คน เพราะจากสถานการณ์ ม.44 ทำให้ไม่กล้าไปสอบ และไม่มีสมาธิไปสอบ รวมทั้ง รถเช่าไม่กล้ามารับ เนื่องจากกลัว ม.44 9.ญาติโยมที่ได้รับบาดเจ็บ จากการปะทะ มี 1 รายบาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหักซี่ ที่ 1-6 ไหปลาร้าหัก เลือดออกที่หู แต่โรงพยาบาลแรกรับ ไม่กล้ารับรักษา เพราะกลัว ม.44 10.ตู้คอนเทนเนอร์ปิดล้อม และปิดกันขวางทางเข้าออกตรงประตู 5 ซึ่งนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ไม่มีการ ปิดล้อม แต่ในความเป็นจริง ขณะนี้ตู้คอนเทรนเนอร์ ยังปิดขวางประตูอยู่ ทั้งนี้ จากเบาะแส วันศุกร์ที่ 24 ก.พ. มีการตรวจสอบพบตู้คอนเทนเนอร์ ขนาด 12 เมตร จำนวน 2 ตู้ ปิดทางเข้า ประตู 15 โดยมีการให้ข่าวจากเจ้าหน้าที่รัฐ อ้างว่า เจ้าหน้าที่ของวัดนำไปปิด ซึ่งไม่เป็นความจริงโดยหลักฐานจากภาพกล้องวงจรปิดก็ชัดเจนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ใช้ยานพาหนะของดีเอสไอ เป็นผู้นำตู้คอนเทนเนอร์ ได้นำมาวางปิดขวางประตูทางเข้า1 5 ฝั่งนอกวัด 11.วัดถูกใส่ร้ายว่า เตรียมก่อความวุ่นวายและก่อความรุนแรง ซึ่งวัดขอปฏิเสธ เพราะแนวทางของวัดพระธรรมกาย คือ สงบ สันติ อหิงสา ญาติโยมที่มาคือ สวดมนต์ นั่งสมาธิ 12.เตรียมมีการใส่ร้ายวัดกรณีสถาบัน ขณะนี้มีข่าวลือว่า อาจมีเจ้าหน้าที่บุกเข้ามา และโปรยใบปลิว หรือพิมพ์เอกสาร โจมตีสถาบันสูงสุด อันเป็นที่เคารพของคนไทยเพื่อใส่ร้ายวัด วัดขอชี้แจงว่า วัดให้ความเคารพต่อสถาบันชาติ ศาสนา มหากษัตริย์ มาโดยตลอด
พระสนิทวงศ์ กล่าวว่า รัฐ สูญเสียความชอบธรรมจากการใช้ ม.44 เกินขอบเขตและไม่สมเหตุสมผล เพราะขณะนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องตัวบุคคล คือ พระธัมมชโย เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของผิดหลักการและเรื่องพระพุทธศาสนา เพราะได้ค้นอาคารและพื้นที่อย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว ทุกอาคาร ทุกชั้น ทุกห้อง บางอาคารไปถึง 3-4 ครั้ง เช่น อาคาร 100 ปี, อาคารภาวนา , อาคารดาวดึงส์ , อาคาร 60 ปี เป็นต้น ทุกครั้งที่ไปตรวจค้น เจ้าหน้าที่ทำบันทึกตรวจค้นอย่างละเอียดระบุ ไม่พบเป้าหมาย และมีการเซ็นรับรองทั้งวัดและเจ้าหน้าที่ กว่า 10 คนว่าได้มาตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ยุติ และกลับคงกำลังเจ้าหน้าที่ 3,000-4,000 นาย ล้อมบริเวณรอบวัด และยังคง ม.44 รวมทั้ง ในวันที่ 19 ก.พ. ได้ประกาศให้พระสงฆ์ สามเณรและประชาชน ออกจากวัดก่อนบ่าย15.00น. ประเด็นไม่ใช่ว่า ห่วงพระธัมมชโย แต่พระและประชาชนกลับเข้ามา เพราะห่วงพุทธศาสนา ห่วงวัดพระธรรมกาย ห่วงพระ ห่วงสามเณร ขณะนี้ ยังคงมีเจ้าหน้าที่ควบคุมการเข้าออกของพระและประชาชน พระสนิทวงศ์ กล่าวว่า ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายและชาวพุทธในยุโรป จะได้เดินทางไปที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งจัดประชุมใหญ่เรื่องสิทธิมนุษยชน เพื่อประท้วงและเรียกร้อง กรณีการใช้ ม.44 กับวัดพระธรรมกาย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษย์ชนด้วย
แฟ้มภาพ