รองอธิบดีดีเอสไอ แจงไม่ต้องขอหมายค้นวัดธรรมกายเพิ่ม เพราะใช้อำนาจตามม.44

กรณีที่เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าไปตรวจสอบภายในตลาดกลางคลองหลวงเมื่อช่วงบ่ายวันนี้  พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า เป็นการเข้าไปตรวจสอบเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีบุคคลและสิ่งของต้องสงสัยมีลักษณะคล้ายจะก่อเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบพบรถยนต์อีซูซุมีสายไฟอยู่ใต้ท้องรถแต่ไม่พบความผิดปกติ สำหรับมาตรการเข้าไปตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกายขณะนี้ ยังไม่ต้องขอหมายค้นจากศาลเพิ่ม เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจตามมาตรา 44  โดยการขอหมายค้นครั้งที่ผ่านมาเป็นการขอหมายค้น ก่อนที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะประกาศมาตรา 44 กำหนดให้วัดธรรมกายและพื้นที่โดยรอบเป็นเขตควบคุมพิเศษ ทั้งนี้ ตลอด 12 วัน เจ้าหน้าที่ได้มีการปฏิบัติงานเพื่อตรวจสอบและประเมินสถานการณ์ภายในวัดทุกวันพร้อมทั้งเตรียมแผนปฏิบัติงานไว้แล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยจากข้อมูลในทางการข่าวขนาดนี้ประเมินว่ามีผู้อยู่ภายในวัดอยู่ประมาณ 2,000 คน ในจำนวนนี้มีพระสงฆ์อยู่ประมาณ 1,200 รูป

ส่วนมาตรการในทางสงฆ์ ได้ขอความร่วมมือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ.ในการตรวจสอบพระที่เดินทางเข้ามาภายในพื้นที่ควบคุมพิเศษ เพราะหากให้มีพระเดินทางเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก อาจเกิดการยกระดับการชุมนุม จึงขอความร่วมมือพระและประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ให้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ควบคุม สำหรับพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง ที่ชุมนุมอยู่บริเวณตลาดกลางคลองหลวงขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานว่ามีความผิดตามมาตรา 44 จำนวน 30 คน ซึ่งแม้ภารกิจตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกายจะสิ้นสุดลงแต่ก็จะร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับพระกลุ่มดังกล่าวภายหลัง

ทั้งนี้ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ต้องการปิดวัดพระธรรมกายแต่ต้องการดำเนินคดีกับบุคคลตามหมายศาล จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลเท็จและบิดเบือนที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งสร้างขึ้นโดยกลุ่มศิษยานุศิษย์โดยอ้างเรื่องศาสนาที่มีความอ่อนไหวมาเพื่อระดมมวลชน ส่วนเรื่องที่วัดเตรียมยื่นหนังสือกับองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ว่าประเทศไทยละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็เป็นเรื่องที่วัดพยายามยกระดับสู่ต่างประเทศทั้งที่ความจริงเป็นเรื่องของการเสียผลประโยชน์ของคนเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความผิดตามมาตรา 44 ของประเทศไทย ไม่ใช่การละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับสากล สำหรับพระสงฆ์ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบอยู่ในบริเวณคลอง 4  ในวันนี้ เป็นพระสงฆ์ที่ร่วมกิจกรรมบวชตามโครงการทดแทนบุญคุณพ่อแม่จริงซึ่งบางส่วนก็ประสงค์ที่ต้องการสึกและกลับภูมิลำเนาโดยเจ้าหน้าที่ก็จะได้มีการอำนวยความสะดวกต่อไป

ด้านนายสุเทพ พู่รัตนโอภา ผู้อำนวยการกลุ่มอำนวยการและกิจการพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ในวันนี้พระสงฆ์เดินทางเข้ามาในพื้นที่ประมาณ 100 รูป ซึ่งต้องการเข้าไปภายในวัดพระธรรมกาย แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตเข้าไปภายในวัดได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ อยากขอความร่วมมือพระสงฆ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง ขออย่าเดินทางเข้ามาในพื้นที่ควบคุม ขณะเดียวกัน เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีได้ออกหนังสือห้ามพระในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีร่วมชุมนุม ซึ่งพระสงฆ์ในพื้นที่นี้ก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมทั้งได้มีการส่งหนังสือไปยังวัดต่างๆทั่วประเทศ ไม่ให้พระสงฆ์ที่ไม่เกี่ยวข้องเดินทางเข้ามาภายในพื้นที่ควบคุม เพื่อมาสมทบกับพระที่อยู่ในพื้นที่วัดพระธรรมกาย

ผู้สื่อข่าว: ปิยะธิดา เพชรดี