นายกฯสั่งยกเลิก EIA-EHIA โรงไฟฟ้ากระบี่/ททท.เร่งแก้สนามบินแออัด/ซิโก้ ให้ผ่ายกม.ดูสัญญา

27 กุมภาพันธ์ 2560, 20:45น.


+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่ามีเรื่องที่ต้องพิจารณาในการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ในวันพรุ่งนี้ ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมชี้แจงการออกคำสั่งตามมาตรา 44 ให้นายพนม ศรศิลป์ พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ว่านายพนม ไม่ได้มีความผิด เพียงแต่ต้องการให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นเรื่องดีกับตัวของนายพนมด้วย เพราะนายพนม พยายามประสานงานเท่าที่ทำได้ แต่ต้องเข้าใจว่าตำแหน่งผู้อำนวยการ พศ. มีความจำเป็นต้องดูแลตามความต้องการของมหาเถรสมาคม(มส.) จึงทำให้วางตัวลำบาก ซึ่งการโยกย้ายถือว่าเป็นเรื่องดี ที่ทำให้นายพนมถอยออกมาก่อน



+++กรณีนายพนม ประสานงานกับคณะสงฆ์อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่นายพนมมีความพยายามในการทำงาน แต่จะโทษนายพนม ให้เป็นผู้รับผิดชอบคนเดียวก็ไม่ได้  ส่วนพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์  ผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ พศ. คนใหม่ ทราบว่าจะเข้ามารายงานตัวเร็วๆนี้  หากมารายงานตัวก็จะมอบโนบายให้ดำเนินการ



+++ความคืบหน้ากรณีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี สั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีหนังสือไปถึงกระทรวงพลังงาน เพื่อแจ้งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยกเลิกผลการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และผลการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ เนื่องจาก เป็นห่วงเรื่องกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งยึดหลักกฎหมายเป็นบรรทัดฐาน



+++นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมหารือกับบริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) และ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อหาแนวทางในการบริหารจัดการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาใช้บริการในสนามบิน โดยเฉพาะในสนามบินหลักๆ ที่ต้องรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้ง สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินภูเก็ต ที่ประสบปัญหาความแออัดของผู้โดยสาร จนล่าสุดมีปัญหานักท่องเที่ยวจำนวนมากไม่สามารถไปขึ้นเครื่องได้ทันตามเวลาที่กำหนด ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยด้วย นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า จะลงพื้นที่ไปที่จ.ภูเก็ต พร้อมกับพลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ เพื่อสำรวจปัญหาต่างๆ ก่อนมาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการท่องเที่ยว ยังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาความแออัดของสนามบินด้วยโดยเฉพาะที่สนามบินภูเก็ต ที่มีเที่ยวบิน ลงจำนวนมาก จนสนามบินไม่เพียงพอในการรองรับทำให้หลายสายการบินต้องปรับเปลี่ยนตาราง หรือ เปลี่ยนเส้นทางการลงจอดหรือการบินกลับ โดยจากเดิมที่ต้องลงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ไปลงท่าอากาศยานนานชาติจ.กระบี่แทน



+++ภาคการท่องเที่ยวในตอนนี้ยังถือว่าเติบโตได้ดี จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาปกติ แม้กระทั่งในเดือน ก.พ.ที่จากเดิม ททท.คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะติดลบเพราะนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะตลาดหลักจากจีน เดินทางมาประเทศไทยในเดือนม.ค.ซึ่งมีเทศกาลตรุษจีนไปแล้ว แต่ปรากฎว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือน ก.พ.ยังเติบโตประมาณร้อยละ 1.2 จากปีก่อน ส่วนในเดือน ม.ค.จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เติบโตร้อยละ 9 ซึ่งสรุปทั้ง 2 เดือนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยรวมกว่า 6 ล้านคน ดังนั้น จะเห็นได้ว่า จำนวนนักท่องเที่ยว ที่เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ อาจจะไม่สอดคล้องกับในด้านการรองรับ รวมถึง ตามนโยบายของภาครัฐที่ต้องการดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาในประเทศไทย เริ่มแรกตั้งแต่การต้อนรับนักท่องเที่ยวก็ต้องมีประสิทธิภาพมีคุณภาพด้วย



+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปิดตลาด 1,558.03 จุด ลดลง 6.56 จุด มูลค่าซื้อขาย รวม 37,147.74 ล้านบาท



+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ร่วงลง 176.07 จุด ปิดที่ 19,107.47 จุด



+++ฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 40.65 จุด ปิดที่ 23,925.05 จุด ขณะที่ นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสในวันอังคารที่ 28 ก.พ. โดยคาดว่าเขาจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล



+++ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือหญิงไก่ อายุ 59 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานค้ามนุษย์  คดีนี้ อัยการโจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างต้นเดือนพฤษภาคม 2551-30 พฤศจิกายน 2553 จำเลยฉ้อฉลหลอกลวง น.ส.จันทนา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 16 ปี โดยจำเลยอ้างตัวว่าเป็นคุณนาย มีนิสัยใจบุญชอบช่วยเหลือคนยากจน และชวนผู้เสียหายไปทำงานที่กรุงเทพฯ ได้เงินเดือน 5,000 บาท ทั้งจะอุปการะส่งเสียเรียนหนังสือและส่งเงินให้กับทางบ้านของ น.ส.จันทนา จนผู้เสียหายหลงเชื่อมาที่กรุงเทพฯ โดยอาศัยที่ประชานิเวศน์คอนโด ซึ่งผู้เสียหายโดนทำงานเป็นคนรับใช้ตั้งแต่เวลา 05.00-22.00 น. ทุกวันไม่มีวันหยุด โดยจำเลยไม่จ่ายค่าตอบแทน คงจ่ายค่ายังชีพเล็กน้อย และไม่ได้ส่งเสียให้เรียนหนังสือตามที่ตกลงไว้ จนผู้เสียหายทนไม่ได้จึงเดินทางกลับบ้านที่ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งจำเลยได้ข่มขู่ผู้เสียหายว่าหากไม่ยอมกลับมาทำงานจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้เสียหายและครอบครัวในข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม จำเลยจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้เสียหาย จนถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน ในความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6 , 35 , 52



+++วันนี้ศาลเบิกตัว นางมณตา มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง นางมณตา ยืนกรานให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ในวันนี้ทนายความของนางมณตายื่นคำร้องขอถอนตัวจากคดี ซึ่งนายพันธุ์วุฒิ สว่างเนตร ทนายความคนใหม่ได้ยื่นคำร้องขอให้เลื่อนการตรวจพยานหลักฐานออกไปก่อน เนื่องจากขอเวลาศึกษารายละเอียดในสำนวน           ศาลพิจารณาคำร้องแล้ว ให้จำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีเต็มที่ อนุญาตให้เลื่อนการตรวจพยานหลักฐานออกไปเป็นวันที่ 27 มี.ค.เวลา 09.00 น



+++ศาลอาญา นัดตรวจพยานหลักฐาน คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายกิตติกร หรือตั้ม วิกาหะ อายุ 26 ปี อาชีพรับจ้าง ชาว จ.สระแก้ว และนายสุพัฒชัย หรือเอ๊กซ์ จันทร์ศรี อายุ 25 ปี อาชีพรับจ้าง ชาว จ.อุทัยธานี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ ที่ตนกระทำผิดฯ,ฐานร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยใช้ยานพาหนะ และร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมืองหรือหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ตามคำฟ้องระบุความผิดจำเลยสรุปว่าช่วงกลางดึกคืนวันที่ 4 ม.ค.2560 จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันจำเลยที่ 1 ได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นคนขับมาถึงบริเวณปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 ถ.สุคนธสวัสดิ์ แขวงและเขตลาดพร้าว พบนายวศิน หรือมะปิน เหลืองแจ่ม อดีตบัณฑิต มศว.กำลังถือโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 6 ราคา 26,000 บาท จำเลยที่ 1 จึงใช้อาวุธมีดจี้ขู่เข็ญให้นายวศินยื่นโทรศัพท์ให้ แต่นายวศินต่อสู้ขัดขืนจึงถูกจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธมีดแทงทำร้ายนายวศินอย่างแรงหลายครั้งตามร่างกายและลำคอ จนถึงแก่ความตายแล้วชิงโทรศัพท์มือถือผู้ตายหลบหนีไป กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมของกลาง 5 รายการส่งพนักงานสอบสวนสน.โคกครามดำเนินคดี โดยศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังอีกครั้ง จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา



+++ขณะที่นางนิราภรณ์ เหลืองแจ่ม มารดานายวศินผู้เสียชีวิต ได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นคำร้องต่อศาลขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดี โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ พร้อมนัดสืบพยานประกอบคำรับสารภาพในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ เวลา 09.00 น. สำหรับวันดังกล่าวฝ่ายโจทก์ได้เตรียมพยานไว้ 2 ปาก ขึ้นเบิกความต่อศาล คือพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เห็นเหตุการณ์ และพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม เจ้าของสำนวนคดี 



+++วงการกีฬา เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชทีมชาติไทย เปิดเผยว่า เอกสารสัญญาฉบับใหม่กับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยังไม่เรียบร้อย จึงยังไม่เดินทางไปลงนามแม้จะมีเดดไลน์คือวันที่ 28 ก.พ.นี้ก็ตาม ต้องให้ฝ่ายกฏหมายดูเอกสารให้เรียบร้อย ฝ่ายกฎหมายต้องคุยกันว่าอะไรรับได้หรือรับไม่ได้ เพราะสมาคมเป็นคนวางกรอบให้ทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าจ้าง หรือแนวทางการปฏิบัติ การทำสัญญาต้องยินยอมทั้งสองฝ่าย



+++ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยืนยันว่า ยังต้องการที่จะเซ็นสัญญากับ ซิโก้  แต่ถ้าหากไม่เซ็นก็ได้เตรียมแผน 2 หรือการหาโค้ชคนใหม่รองรับไว้แล้วเช่นกัน



+++เอเอฟพี รายงานว่าบรรดาดาราฮอลลีวูดใช้โอกาสการเข้ารับรางวัลทรงเกียรติระดับโลกคือรางวัลออสการ์ในวันนี้ พูดพาดพิงถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ แต่พวกเขาไม่ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรง แต่เน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมในวงการบันเทิงสหรัฐฯ ผู้นำสหรัฐฯนิยมทวีตข้อความตำหนิกลุ่มคนที่วิพากษ์วิจารณ์เขาอยู่เป็นประจำ แต่กลุ่มดาราฮอลลีวูดพูดเสียดสีเกี่ยวกับการแสดงอารมณ์โกรธบ่อยๆของนายทรัมป์ แต่ส่วนใหญ่พูดพาดพิงเรื่องนี้ไปด้วยน้ำเสียงดีใจที่ได้รับรางวัลมากกว่า ผู้รับรางวัลหลายคนย้ำถึงพื้นเพเดิมของพวกเขาว่าเป็นผู้อพยพ,ชนกลุ่มน้อยหรือเป็นชาวต่างชาติ



+++ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่คว้ารางวัลลูกโลกทองคำปีนี้คือมูนไลท์ เรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันและความพยายามจะเอาชนะอัตลักษณ์ทางเพศของเขา แม้ว่าการมอบรางวัลจะมีขึ้นหลังเกิดความผิดพลาดที่น่าขายหน้าคือการประกาศในตอนแรกว่าภาพยนตร์ที่ที่คว้ารางวัลนี้คือลาลาแลนด์ ภาพยนตร์โรแมนติกมิวสิเคิล



+++ด้านนายทาเรลล์ อัลวิน แม็คครานีย์ ผู้เขียนบทละครในภาพยนตร์มูนไลท์ ซึ่งขึ้นเวทีรับรางวัลกล่าวว่าขอมอบรางวัลนี้ให้กับคนหนุ่มสาวทุกคน ทั้งผิวดำและสีน้ำตาล ทั้งกลุ่มคนที่ยังไม่สามารถปรับเข้ากับเพศใดๆและยังมองตัวเองไม่ออก



+++การประท้วงที่ทรงพลังมากที่สุด ได้แก่ การที่นายอัสการ์ ฟาร์ฮาดี ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอิหร่านประท้วงไม่เข้ารับรางวัล แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องเซลส์แมนของเขาคว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม นายฟาร์ฮาดี ประท้วงคำสั่งห้ามออกวีซ่าของนายทรัมป์ ห้ามพลเมือง 7 ประเทศมุสลิม รวมถึงอิหร่านเข้าสหรัฐฯ ขณะที่พิธีมอบรางวัลใกล้จะสิ้นสุดลง นายคิมเมล พิธีกร แสร้งทำทีรู้สึกผิดหวังที่นายทรัมป์ ยังไม่ทวีตข้อความใดๆเข้ามา จึงหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาและทวีตข้อความเพื่อถามว่านายทรัมป์ตื่นนอนหรือยัง ปรากฏว่าข้อความนั้นถูกส่งต่อๆกันกว่า 2 แสน 25,000 ครั้ง



แฟ้มภาพ



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X