ช่วยทุกคนไม่เลือกข้าง! สพฉ.1699ย้ำ ผลชันสูตรศพศิษย์ธรรมกาย เสียชีวิตเพราะปอดติดเชื้อ

02 มีนาคม 2560, 16:49น.


หลังจากที่น.ส. พัฒนา เชียงแรง หน่วยพยาบาลอาสาของวัดพระธรรมกาย เสียชีวิตจากอาการป่วย ที่หมู่บ้านศาสนานูปถัมภ์ เฟส 1 ตั้งอยู่ในพื้นที่ 58 ไร่ พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า แพทย์จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ที่ชันสูตรพลิกศพ ระบุว่า น.ส. พัฒนา เสียชีวิตจากปอดอักเสบติดเชื้อ แต่ไม่ระบุว่าเสียชีวิตเป็นเวลากี่ชั่วโมงแล้ว ซึ่งแพทย์จะออกหนังสือรับรองการตาย เพื่อให้ญาตินำไปแจ้งใบมรณะบัตร เนื่องจากเป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ โดยเจ้าหน้าที่เก็บของกลาง คือ ยาหลายชนิด อาทิ ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ และนำส่งแพทย์ทั้งหมดแล้ว



โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อญาติมาให้ปากคำ เพื่อประกอบสำนวนการชันสูตรพลิกศพต่อไป พร้อมยืนยันว่าทีมแพทย์ฉุกเฉินใช้เวลาในการเข้าพื้นที่เร็วแล้ว ส่วนที่มีการปล่อยข่าวว่ามีการขัดขวางการปฏิบัติงาน ทีมแพทย์ทำงานช้า ไม่เป็นมืออาชีพนั้นไม่เป็นความจริง โดยอาสาสมัครทำงานเพื่อช่วยเหลือทุกคน ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และมองว่าการตัดสัญญาณไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากขณะนี้ยังมีการใช้โทรศัพท์ได้ โดยใครที่บิดเบือนข้อมูล ทางดีเอสไอ เก็บข้อมูลเพื่อดำเนินคดีแล้ว



ด้านนายสหพล ศรีสมบัติ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ 1669 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุครั้งแรกในเวลา 11.52 น. ให้ไปรับผู้ป่วยบริเวณประตู 7 ซึ่งทีมแพทย์ได้เดินทางไปถึงหน้าประตู 7 เวลา 12.10 น และเข้าไปทางประตู 7 จากนั้นเดินทางถึงหน้าอาคารที่พักของผู้เสียชีวิตในเวลา 12.22 น. โดยคนไข้พักอยู่ที่ห้อง 1404 ทีมแพทย์ได้ขึ้นไปบนห้องพัก พบว่ามีการล็อคประตูจากด้านใน จึงพังประตู และถึงห้องพักเมื่อเวลา 12.27 น. โดยตั้งแต่ได้รับแจ้งจนถึงจุดเกิดเหตุใช้เวลา 17 นาที จากนั้นได้ใช้เวลากู้สัญญาณชีพ 5 นาที เมื่อพบว่าไม่สามารถกู้สัญญาณชีพกลับคืนมาได้ก็ได้ถอนกำลัง โดยครั้งแรกเจ้าหน้าที่นำรถเข้าไป 2 คัน และมีเจ้าหน้าที่ทางวัดนั่งรถไปกับหน่วยกู้ภัยด้วย



จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดที่ 2 ได้รับแจ้งในเวลา 13.30 น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปกับทีมพนักงานสอบสวน เพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปพิมพ์ลายนิ้วมือไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ. คลองหลวง ในเวลา 14.40 น. จากนั้นได้นำร่างผู้เสียชีวิตไปส่งที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จากนั้นทีมแพทย์ได้รับแจ้งเหตุ ครั้งที่ 3 ระยะเวลาห่างจากครั้งแรก 15 นาที โดยหน่วยที่ 3 เข้าไปทางประตู 7 และระหว่างทางได้พบกับรถพยาบาลของวัดและมีพระสงฆ์ 2 รูปเดินลงมา ทีมแพทย์เข้าใจว่าเป็นพระที่ป่วย แต่พระสงฆ์ก็ได้ให้ทีมแพทย์ขับรถตามไป และบอกว่าจะเข้าไปยังจุดที่มีผู้ป่วยทางประตู 15 ซึ่งทีมแพทย์ก็ได้ขับรถตามไปจนกระทั่งได้มีการพูดคุยสอบถามกับพระสงฆ์ที่นำทาง จนแน่ใจว่าเคสนี้ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว แต่พระสงฆ์ที่นำไปก็ยืนยันว่าจะให้ทีมแพทย์ตามไป ซึ่งทีมแพทย์ได้ตัดสินใจออกมาจากวัด เพราะเห็นว่าไม่ได้เป็นผู้ป่วยรายใหม่ แต่เป็นเคสที่ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว



ทีมแพทย์ ระบุว่า ไม่ได้มีการบันทึกภาพพระสงฆ์ 2 รูป เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ทีมแพทย์ต้องรีบไปช่วยชีวิตผู้ป่วย และไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นการแจ้งข้อมูลซ้ำ

ข่าวทั้งหมด

X