ฟิลิปปินส์พบศพชาวเยอรมันที่ถูกกลุ่มกบฏอาบูเซย์ยาฟตัดศีรษะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ทหารฟิลิปปินส์พบศพนายเจอร์เกน แคนเนอร์ ชาวเยอรมัน วัย 70 ปี ซึ่งถูกกลุ่มกบฏอาบูเซย์ยาฟฆ่าตัดคอเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยกลุ่มอาบูเซยาฟ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส และศพที่พบนั้นพบทั้งร่างกายและศีรษะ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังมีปฏิบัติการสู้รบ ค้นหา และกู้คืนในเมืองอินดานัน จ.ซูลู ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งผู้บัญชาการหน่วยกำลังเฉพาะกิจร่วมซูลูเปิดเผยว่า ระหว่างรอการรวบรวมเอกสารเพื่อเคลื่อนย้ายศพ จะเก็บศพของนายแคนเนอร์ไว้ที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ซูลู

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ ได้กล่าวขอโทษเยอรมนีที่ไม่สามารถช่วยชีวิตนายแคนเนอร์ได้ ขณะยืนกรานว่า ไม่ควรจ่ายเงินค่าไถ่ให้แก่กลุ่มคนร้าย ซึ่งโพสต์วิดีโอการสังหาร หลังเลยกำหนดเส้นตายการจ่ายเงินค่าไถ่ตัวประกันเป็นจำนวน 600,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ทหารฟิลิปปินส์สัญญาว่า จะนำตัวผู้สังหารนายแคนเนอร์มาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม และจะเดินหน้าปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันคนอื่นๆ ต่อไป 

วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่โบราณคดีของซีเรียได้เปิดเผยภายหลังเดินทางไปตรวจเยี่ยมเมืองมรดกโลกพัลไมรา ห่างจากกรุงดามัสกัสออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 215 กม. ว่า กลุ่ม IS ซึ่งหวนกลับมายึดเมืองมรดกโลกพัลไมราคืนจากกองกำลังร่วมรัสเซีย-รัฐบาลซีเรียเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้ระเบิดทำลายเสาหิน “เตตราไพลอน” เสียหายรุนแรง โดยเหลือเสาหินบนเวทีและอัฒจันทร์โรมันโบราณ เก่าแก่หลายพันปี เพียง 4 เสา จากทั้งหมด 16 เสา แต่ยังมีบางเสาที่ล้มลง แต่ไม่ถูกทำลาย สามารถกู้ตั้งต้นขึ้นมาได้ด้วยการใช้เทคนิคที่ทันสมัย และหากเปรียบเทียบความเสียหายในการยึดครองของกลุ่ม IS ครั้งแรกและครั้งที่ 2 แล้ว พบว่า ครั้งที่ 2 มีการทำลายน้อยกว่า โดยในการยึดครองครั้งแรก กลุ่ม IS ได้ทำลายอนุสรณ์สถานที่มีอายุร่วม 1,800 ปี และวัดบาลชามินที่มีอายุเก่าแก่เกือบ 2,000 ปี

 (1030 F171)