กฟผ.มั่นใจโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ช่วยเพิ่มความมั่นคงของระบบ

การลงนามสัญญางานจัดซื้อและจ้างก่อสร้างโครงการทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ระยะที่ 1 ระหว่าง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กับกิจการค้าร่วมบริษัทซีเมนส์ เอจี , บริษัท ซีเมนส์ จำกัด, บริษัทมารูเบนิ คอร์ปอเรชั่น โดยมีนายอภิชาติ ชินวรรโณ กรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งกรรมการ บริหารจากบริษัทต่างๆ ร่วมเป็นสักขีพยาน นายวิวัฒน์  ชาญเชิงพานิช รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้า กฟผ.กล่าวว่า โครงการทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ระยะที่ 1 นี้เป็นการสร้างทดแทนโรงไฟฟ้าพลังความร้อนพระนครใต้เครื่องที่ 1-5  เนื่องจากเมื่อเดือนกรกฎาคม 2551 เครื่องที่1-3ได้หมดอายุไป ส่วนเครื่องที่4-5  ใช้เดินเครื่องในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยมีกำหนดปลดจากระบบทั้งหมดในปี 2561 กฟผ.จึงมีนโยบายในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้เดิม เพื่อสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าและการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในเมืองหลวง

การก่อสร้างดังกล่าวจะเพิ่มความมั่นคงของระบบไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพสูงขึ้น จ่ายไฟฟ้าได้ตลอดทุกเวลา โดยใช้เทคนิคที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เชื้อเพลิงลดลง สามารถกำจัดมวลสารได้ดีขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นความร้อนแบบเพลาเดียวใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า โดยจะใช้เชื้อเพลิงเพียงวันละ200ล้านลูกบาศก์ฟุต ต่างจากโรงไฟฟ้าเก่าที่ใช้ถึง500 ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ทั้งนี้ จะใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำรองมีกำลังผลิตสุทธิรวมประมาณ 1,230 เมกกะวัตต์ ที่อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ มีมูลค่างานก่อสร้างกว่า 18,405 ล้านบาท โดยมีกำหนดแล้วเสร็จและสามารถจ่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้ปี 2562

ส่วนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จังหวัดกระบี่ นายวิวัฒน์ กล่าวว่า หากจะเริ่มดำเนินการตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการจะต้องเริ่มดำเนินการภายใน 1 ถึง 2 เดือนนี้ ทั้งนี้คาดว่าจะต้องจัดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่และนอกพื้นที่ประมาณ 2 ครั้ง อย่างไรก็ตามต้องกลับไปประชุมกันก่อน ส่วนบริษัทที่ประมูลราคาก่อสร้างไปแล้ว กฟผ.ก็ต้องขอยืดเวลาออกไปก่อน ซึ่งการยืดเวลาจะสามารถทำได้ครั้งละ3เดือน จนกว่าจะมีมติจากคณะรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ