การดำเนินคดีกับพระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผู้ อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า หลังจากพระสนิทวงศ์ ได้เข้ามอบตัวที่กองบังคับการกองปราบปราม ตามขั้นตอนหลังจากนี้ พนักงานสอบสวน เปิดรับตัวไปดำเนินคดีซึ่งคดีนี้จะอยู่ในความของกองปราบปราม ส่วนพระรูปอื่นๆ หากมีการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายในมาตรฐานเดียวกัน ส่วนกรณีพระปลัดเสกสรรค์ อตตทโม พระลูกวัดพระธรรมกาย ที่หลังจากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากศาลธัญบุรีในคดีฝ่าฝืนคำสั่งคสช. โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายในลักษณะยุยงปลุกปั่น แต่ล่าสุดยังพบว่าพระปลัดเสกสรรค์ ยังคง มีความเคลื่อนไหวและโพสต์ข้อความลงใน social media พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ระบุว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมข้อมูล และรายงานไปยังศาลเพื่อให้พิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวผิดเงื่อนไขการประกันตัวของศาลหรือไม่
ส่วนการดำเนินการคดีกับวัดพระธรรมกายจะจบเกมส์ภายในระยะเวลา5วันว่า เจ้าหน้าที่ได้พยายามเร่งดำเนินการโดยพยายามให้แล้วเสร็จภายในรวดเร็ว ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ก็มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ของพระเสถียร บ่อคำที่มีเงินเข้ามาในบัญชีกว่า 13 ล้าน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้รวบรวมข้อมูลของพระสงฆ์ที่ถูกออกหมายเรียกและถูกดำเนินคดี ไปให้ที่ ประชุมมหาเถรสมาคม ซึ่งจะมีการดำเนินการให้พระดังกล่าวต้องสึกหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมมหาเถรสมาคม
สำหรับในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เรียกเจ้าของตลาดกลางคลองหลวง เพื่อเข้าพูดคุยเรื่องการใช้พื้นที่ ที่ในพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีพระและลูกศิษย์วัดพระธรรมกายปักหลักทำกิจกรรมอยู่ แต่ล่าสุดทางเจ้าของตลาดกลางคลองหลวงแจ้งมาว่าได้เดินทางไปต่างประเทศและจะส่งตรวจตัวแทนเข้ามาพูดคุย ซึ่งขณะนี้ตัวแทนของเจ้าของตลาดยังไม่ได้เข้ามารายงานตัวที่ บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาคที่ 1 แต่อย่างใด
ส่วนที่มีการเผยแพร่ภาพในกระแสโซเชียลมีเดียว่า ทหารได้มีการปฏิบัติการยุทธวิธีทางทหาร ในการพยายามเข้ามาในพื้นที่อาคารบุญรักษา พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอกล่าวว่า ทหารได้เข้าไปในพื้นที่หลังมีการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าหลังจากที่ที่ทางวัดมีการขุดคูน้ำ ส่งผลให้น้ำท่วมสวนเตย และทำให้ชาวบ้านมีความเดือดร้อนอย่างมาก เจ้าหน้าที่ได้ลาดตระเวนตามปกติอยู่แล้ว โดยระหว่างที่ตรวจนั้นทางวัดได้เห็นว่ามีทหารเข้ามา จึงเป่านกหวีดระดมมวลชนจำนวนกว่า 400 คน ซึ่งแต่งกายคล้ายลูกศิษย์วัด เข้ามาขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่เห็นว่ามีศิษย์คนหนึ่งนำสิ่งของจากย่ามมาใส่ไว้ด้านหลัง เจ้าหน้าที่เกรงว่าเป็นอาวุธจึงได้มอบคลานอยู่กับที่ ซึ่งสอดคล้องกับภาพที่เผยแพร่ออกไป
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารได้มีรถลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่ทหารถูกวัตถุที่เป็นของแข็งโยนเข้ามาที่หน้ารถจนทำให้เกิดรอยแตก ซึ่งขณะนั้นอยู่ระหว่างกลับจากลาดตระเวนฝั่งคลอง 3 ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณใต้สะพานประตู 4 ที่บริเวณสะพานมีกลุ่มศิษย์วัดร่วมกลุ่มอยู่ สำหรับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรองโฆษกดีเอสไอคาดการณ์ว่า เป็นการใช้ปืนอัดลมที่สามารถบรรจุลูกแก้วแทนกระสุนเข้าไป จนทำให้กระจกแตก เนื่องจากกระจกรถของทหารมีความแข็งแกร่ง สามารถกันแรงกระแทกได้พอสมควร และเป็นการกระทำที่มุ่งทำร้ายเจ้าหน้าที่ให้ได้รับบาดเจ็บ