กลุ่มอียูและอาเซียนเห็นพ้องฟื้นการทำข้อตกลงการค้าเสรีอีกครั้ง

รอยเตอร์รายงานอ้างนางเซลิเลีย มัลม์สตรอม คณะกรรมาธิการด้านการค้าของสหภาพยุโรป(อียู)ซึ่งให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ในวันนี้ว่า กลุ่มอียูและสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน)จะพยายามหาทางฟื้นแผนการทำข้อตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ)ขึ้นมาอีกครั้ง หลายประเทศของยุโรปต้องการจะเข้ามาสร้างสัมพันธ์ทางการค้ากับกลุ่มอาเซียน ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ระบุว่า เจ้าหน้าที่อียูและอาเซียนเห็นพ้องว่าควรจะเริ่มต้นกำหนดกรอบการเจรจาเพื่อฟื้นการทำข้อตกลงเอฟทีเออีกครั้ง แต่ยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาอย่างชัดเจน

กลุ่มอียูเชื่อว่าการเชื่อมโยงระหว่างตลาดทั้งสองที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และการขจัดอุปสรรคทางการค้านับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ จะทำให้กลุ่มอียูสามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มอาเซียน ตลาดขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 7 ของโลก มีการขยายตัวของตลาดผู้บริโภคและชนชั้นกลาง โดยเฉพาะเวียดนามและฟิลิปปินส์ สำหรับกลุ่มอาเซียนมีประชากรรวมกันทั้งหมด 622 ล้านคน มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนใหญ่ขับเคลื่อนจากการบริโภค การส่งออกและการผลิตอุตสาหกรรม โดยยุโรปเป็นตลาดส่งออกหลักของอาเซียน

ก่อนหน้านี้ กลุ่มอียูและกลุ่มอาเซียนซึ่งมีสมาชิก 10 ประเทศเริ่มเจรจาเรื่องนี้ครั้งแรกในปี 2550 แต่ยกเลิกในอีก 2 ปีต่อมาหลังมีปัญหาไม่สามารถจัดทำมาตรฐานที่ใช้ร่วมกันทั้ง 10 ประเทศอาเซียนเนื่องจากระบบการเมืองต่างกัน ขนาดเศรษฐกิจและประชากรก็แตกต่างกันมาก ที่สำคัญหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนเช่นเวียดนาม ประเทศไทย มาเลเซีย เมียนมาร์และลาว มีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน กลายเป็นอุปสรรคในการทำข้อตกลงการค้ากับอียูที่กำหนดให้เรื่องนี้มีความสำคัญในการทำข้อตกลงการค้ากับประเทศคู่ค้าต่างๆ ต่อมาอียูเปลี่ยนไปใช้วิธีข้อตกลงทวีภาคีกับสมาชิกอาเซียนเป็นรายประเทศ แต่กลุ่มอียูสามารถเจรจาการค้าแบบทวิภาคีกับสมาชิกอาเซียนสำเร็จเพียง 2 ประเทศเท่านั้นคือสิงคโปร์และเวียดนาม แต่ข้อตกลงนั้นยังไม่เริ่มใช้บังคับ/16.49 น.