+++ความคืบหน้าการจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศฯ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ กล่าวว่า ภาพรวมการจัดสร้างพระเมรุมาศเป็นที่น่าพอใจและเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้อย่างรวดเร็ว ได้เน้นย้ำในการก่อสร้างว่าต้องยึดหลักความปลอดภัย และขณะนี้การก่อสร้างพระเมรุมาศ ได้ตั้งเสาบุษบกประธานเสร็จแล้ว พร้อมวางฐานรากสำเร็จรูปในส่วนบันไดและฐานชาลาเสร็จแล้วเช่นกัน
+++นายเจษฎา ชีวะวิชวาลกุล หัวหน้ากลุ่มงานวิศวกรรม สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร กล่าวว่า ภาพรวมความคืบหน้าในการจัดสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบประมาณ ร้อยละ 20 แต่เฉพาะพระเมรุมาศคืบหน้าร้อยละ 27 พระที่นั่งทรงธรรมร้อยละ 25 ศาลาลูกขุนร้อยละ 35 ส่วนเสาซ่างจะเริ่มเคลื่อนย้ายมาสนามหลวงจะเริ่มประกอบวันพรุ่งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประกอบ 1 สัปดาห์
+++สำหรับงานประติมากรรม ประกอบพระเมรุมาศ ได้จัดทำต้นแบบเสร็จไปมากแล้ว หลายชิ้นงานอยู่ระหว่างการทดลองลงสี โดยเฉพาะสัตว์มงคลประจำทิศ ได้แก่ ม้า 1 คู่ โค 1 คู่ ซึ่งช่างกำลังทดลองลงสีอะคริลิกและสีน้ำมัน จากนั้นจะให้คณะกรรมการเลือกว่าแบบสีใดเข้ากับพระเมรุมาศที่สุด สำหรับอาสาสมัครช่วยงานจัดสร้างพระเมรุมาศ ได้จัดให้หมุนเวียนเข้ามาช่วยปฏิบัติงานที่สนามหลวงในแต่ละวัน อาคารละ 20 คน เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสมีส่วนร่วมในการจัดสร้างพระเมรุมาศถวายในหลวงรัชกาลที่ 9
+++ส่วนช่วงบ่าย พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง(กอร.รส.) ที่สนามหลวง
+++สภาพอากาศ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยและทะเลจีนใต้ ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศเมียนมาร์เคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนจะเกิดพายุฤดูร้อน มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ โดยส่งผลกระทบต่อพื้นที่ต่างๆ ดังนี้ช่วงวันที่ 14- 15 มีนาคม จะเกิดพายุฤดูร้อนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก
+++ขณะช่วงวันที่ 16-19 มีนาคม จะเกิดพายุฤดูร้อนเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสาน 61 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย บึงกาฬ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง 19 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง สระบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครนายก และกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ขอให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือ
+++ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึง สถานการณ์ภัยแล้งว่าต้องเฝ้าระวังพื้นที่วิกฤตจะมี 105 อำเภอ 35 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ขอยืนยันว่าในเขตชลประทานร้อยละ 30 ไม่น่าวิตก ส่วนน้ำกินน้ำใช้มีการจัดสรรไว้เรียบร้อย มั่นใจได้ว่ามีเพียงพอ รวมทั้งน้ำเพื่อการเกษตร ส่วนพื้นที่นอกเขตชลประทาน จะมีปัญหาภัยแล้งมากถึงร้อยละ 70 แต่ปีนี้หลังรัฐบาลเพิ่มแหล่งน้ำนอกเขตชลประทานได้มากพอสมควร แต่ยอมรับว่าไม่เพียงพอ เพราะต้องทำต่อเนื่อง 10 ปี หรือ 12 ปี
+++เช้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่5/2560 ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
+++คดีพระธัมมชโย พ.ต.ท.สะอาด สุนทร ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของเครือข่ายวัดพระธรรมกาย พื้นที่เชียงใหม่ และภาคเหนือตอนบนเป็นพิเศษตามคำสั่งดีเอสไอส่วนกลาง ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวหรือเบาะแส แต่ได้ประสานตำรวจภูธรภาค 5 สืบสวนสอบสวนหาเบาะแสเพิ่มเติม เนื่องจากพระธัมมชโยยังเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับอยู่เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย
+++พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ได้แจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล อดีตนักการเมือง ซึ่งเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่กองบังคับการปราบปรามเพิ่มอีก 1 คดี ตามมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น
+++กรณีที่ดีเอสไอ กล่าวหาว่าพระทัตตชีโว หรือ พระเผด็จ ทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลที่นำเช็คสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่บริจาคให้วัดพระธรรมกายไปเล่นหุ้น และมีเซียนหุ้นอักษรย่อ ส. เป็นผู้ดำเนินการ นายกฯ ระบุว่า จะต้องรอการพิสูจน์ทราบ ขณะนี้กระบวนการยุติธรรมกำลังดำเนินการอยู่ ในส่วนของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ก็ต้องทำไปพร้อมกับการฟื้นฟูเพราะมีความเดือดร้อน และต้องตามหาหลักฐานทางการเงิน จึงอยากให้อดทนรอ
+++วันนี้มีหลายคดีที่น่าสนใจ คดีค้ามนุษย์ นาตารีอาบอบนวด 09:00 น. ศาล นัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองและองค์กรพัฒนาเอกชน NVADER ที่ได้สืบสวนจับกุมในคดีนี้ จะขึ้นให้การต่อศาล ที่ ห้อง713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก
+++คดีกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายร่างกายนายธีรพงศ์ ฐิตะฐาน หรือปอนด์ นักศึกษาคณะสัตวศาสตร์เทคโนโลยี ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี โดยใช้ไขควงแทงศีรษะจนเสียชีวิต พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 16 คน เสร็จสิ้น จากนั้นกำลังตำรวจคอมมานโด คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดขึ้นรถตู้ นำตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง โดยแบ่งเป็นศาลอาญา 15 คน ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คนเป็นเยาวชนเจ้าหน้าที่จึงแยกตัวไปส่งฝากขังยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 16 คน ยังให้การภาคเสธ อ้างว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่เป็นเรื่องทะเลาะวิวาท ไม่มีเจตนาที่จะฆ่า แต่เป็นการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเนื่องจากผู้เสียชีวิตมีรูปร่างที่ใหญ่กว่า
+++ขณะที่นายเดชาธร มูลมณี อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 ยอมรับว่าเป็นผู้ที่ใช้ไขควงซึ่งหยิบจากในห้องของผู้เสียชีวิตมาใช้เป็นอาวุธแทงจริง ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนผู้ต้องหาอื่นๆ อีก 15 คน ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวไป โดยตีราคาประกันคนละ 7 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามไปข่มขู่พยาน และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี
+++ คดีจ่อยิงอุกอาจ 5 นัด น.ส.วีรญาภา งามวิลัย อายุ 36 ปี หัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน อบต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานีพล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เปิดเผยว่า ตำรวจฝ่ายสืบสวน จะเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง เพื่อหาเบาะแสคนร้าย สันนิษฐานว่า มาจากเรื่องชู้สาวเนื่องจากผู้เสียชีวิตหน้าตาดี เรื่องขัดแย้งธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มือสอง ประกอบกับตรวจสอบเฟซบุ๊กผู้เสียชีวิตมีการทวงถามเรื่องเงินทองด้วย
+++ส่วนคดีอื่นๆ ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาฎีกา คดีอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายจอน อึ้งภากรณ์ กับพวกรวม 10 คน จำเลยคดีร่วมกันก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง กรณี 12 ธ.ค. 2550 จำเลยกับพวกรวมตัวกันถ.อู่ทองใน แล้วบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ก่อให้เกิดความวุ่นวายเสียหาย ศาลชั้นต้น พิพากษาว่า จำเลยที่ 1- 4 ,7 และ8 จำคุก คนละ 1 ปี 4 เดือน ปรับคนละ 6 พันบาท ส่วนจำเลย 5 ,6 ,9 และ10 จำคุกคนละ 8 เดือน ปรับคนละ 6 พันบาท โทษจำคุก รอลงอาญา 2 ปี ขณะที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ยกฟ้องจำเลย
แฟ้มภาพ