พศ.ตามเรื่องสละสมณเพศพระธัมมชโย/สตง.ระบุเป็นเรื่องของกรมสรรพากรสอบภาษีอดีตนักการเมือง

20 มีนาคม 2560, 20:38น.


++พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึง กรณีกองบังคับการปราบปราม ประสานขอให้ทางการลาวส่งตัวนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยว่า หากได้รับการส่งตัวกลับมาดำเนินคดี ดีเอสไอจะรับตัวมาดำเนินการในคดีก่อการร้ายโดยแยกกลุ่มเป็นการกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของเจ้าหน้าที่ทหาร เนื่องจากอาวุธปืนของกลางที่ตรวจพบเป็นของทหารที่ถูกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ยึดไปช่วงการชุมนุมปี 2553 ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ยืนยันว่า ของกลางที่ยึดได้ไม่ได้เกิดจากการจัดฉาก เพราะข้อมูลทางการข่าวของเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติการร่วมกันในการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย มีข้อมูลตรงกันว่ามีแกนนำการชุมนุมปี 2553 เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง และบริเวณรอบวัดพระธรรมกาย จึงเฝ้าระวังมือที่ 3 ที่อาจเข้ามาก่อเหตุ ทั้งนี้การข่าวยังเชื่อว่ากลุ่มมือที่ 3 มีอาวุธสำหรับใช้ก่อเหตุ โดยของกลางที่ยึดได้ในครั้งนี้เป็นยุทธภัณฑ์ของทหารที่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมยึดไป จึงเชื่อว่าไม่มีใครนำของกลางปี 2553 มายัดในปี 2560



+++ดีเอสไอ เคยแบ่งกลุ่มการดำเนินคดีออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มก่อการร้าย 2.กลุ่มที่ทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ 3.กลุ่มครอบครองยุทธภัณฑ์ของทหารที่หายไป และ 4.กลุ่มที่มีระเบิดไว้ในครอบครอง ดีเอสไอ จะขยายผลสืบสวนสอบสวน เชื่อมโยงไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในสำนวนยุทธภัณฑ์ของทหารที่หายไปที่เคยตั้งคดีเอาไว้ในช่วงชุมนุมตอนปี 2553 เพื่อทำสำนวนส่งฟ้องศาลต่อไป



+++พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์  ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยหลังการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) ถึงความคืบหน้าในการดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกาย ว่า ได้มีการสอบถามความคืบหน้าไปยังสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลางแล้ว ซึ่งท่านแจ้งว่า ได้ส่งหนังสือทั้งในเรื่องคดีความต่างๆ และข้อร้องเรียนของดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ที่ขอให้ทางคณะสงฆ์พิจารณาใช้กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่21ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ ดำเนินการกับพระธัมมชโย แจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และมีการแจ้งต่อไปยังรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายแล้ว และภายในสัปดาห์นี้คาดว่าจะเข้าไปติดตามความคืบหน้าจากเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่วัดเขียนเขต จ.ปทุมธานีด้วย ทั้งนี้กำลังเตรียมประสานงานว่าท่านสะดวกให้เข้าพบเมื่อใด



+++ส่วนกรณีที่ยังไม่เจอตัวพระธัมมชโย การดำเนินการตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 จะสามารถดำเนินการต่อไปได้หรือไม่ พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าวว่า อยู่ที่ดุลยพินิจของเจ้าคณะผู้ปกครอง ที่มีหน้าที่ในการดำเนินการตามกฎดังกล่าว ว่าหากการดำเนินการตามกฎนี้เกิดปัญหา จะมีการพิจารณาดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งเจ้าคณะผู้ปกครองก็มีสิทธิ์ที่จะนำกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่11ว่าด้วยการลงนิคหกรรม มาพิจารณาใช้ได้เช่นกัน หรืออาจรวมไปถึงกฎมหาเถรสมาคม ฉบับอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การสึกกลางอากาศ เป็นไปไม่ได้ เพราะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนทางพระธรรมวินัย  



+++ด้านนายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า หลังจากที่วัดพระธรรมกายได้ส่งคืนพัดยศ และสัญญาบัตรทุกช่วงชั้นสมณศักดิ์ ของพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว มายังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี (พศจ.ปทุมธานี) แล้ว ในวันที่ 21มี.ค.นี้ พศจ.ปทุมธานี จะขนมาส่งมอบไว้ที่ พศ.ต่อไป



+++เรื่องภาษี นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)กล่าวถึง กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ระบุอดีตนักการเมือง 60 คนในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ว่า แม้ป.ป.ช.จะยืนยันว่านักการเมืองเหล่านั้นจะไม่ได้ร่ำรวยผิดปกติ แต่การที่มีรายได้เพิ่มขึ้น กรมสรรพากร ต้องตรวจสอบว่าอดีตนักการเมืองเหล่านั้นเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ทั้งหลังพ้นตำแหน่งหรือพ้นจากตำแหน่ง 1 ปีแล้วมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหรือลดลง เป็นนโยบายของคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.)เพื่อให้เกิดความถูกต้องในการจัดเก็บภาษี ยืนยันว่า สตง. ไม่ได้ตรวจสอบเฉพาะนักการเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดเก็บภาษีด้านอื่น ๆ ทั้งผู้มีรายได้สูง มีรถหรู หรือมีเงินสินสอดมหาศาล ขอให้บุคคลที่รู้ตัวว่าเลี่ยงภาษีหรือยื่นประเมินไม่ถูกต้องเร่งรัดจ่ายภาษีคืนรัฐ เพื่อไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการประเมินในภายหลัง และขอเร่งรัดไปยังกรมสรรพากรให้รีบประเมินภาษีอดีต 60 นักการเมืองโดยเร็ว ภายใน 1ปีนับจากนี้ ยืนยันว่ารายชื่อที่สตง.ส่งให้ป.ป.ช.มี 60 คนเท่านั้น ไม่ได้เป็น 100 คนตามที่เป็นข่าว



+++จากกรณีโลกออนไลน์ไว้อาลัยพร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ นายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ อายุ 21 ปี หลังถูกเจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญเมื่อวันที่ 17 มี.ค. โดยมีการเรียกตรวจค้นรถยนต์ที่นายชัยภูมินั่งอยู่ด้านข้างคนขับ พบยาเสพติดชนิดที่1(ยาบ้า)ซุกซ่อนอยู่ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชี้แจงว่า จากการที่มีการร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้กระทำการที่เกินกว่าเหตุในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ จากการสอบถามข้อมูลพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 17 มี.ค. โดยเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดกองร้อยทหารม้าที่ 2 บก.ควบคุมที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 5 ได้จัดตั้งจุดตรวจค้นยาเสพติดบริเวณสามแยกรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พบรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ สีดำ ทะเบียน ขก-3774 เชียงใหม่ ซึ่งภายในรถมียาบ้า จำนวน 2.8 พันเม็ด ซุกซ่อนไว้ที่บริเวณกรองอากาศ จึงเข้าดำเนินการจับกุมนายพงศ์นัย แสงตะล้า อายุ 19 ปี ผู้ที่ขับรถไว้ได้ แต่ในขณะนั้นนายชัยภูมิซึ่งนั่งมาด้วยทางด้านหน้าข้างคนขับ ได้มีการขัดขืน และวิ่งหนีออกจากรถไปหวังจะหลบการจับกุม ทางเจ้าหน้าทหารจึงได้วิ่งไล่ติดตามไป จนเมื่อใกล้ถึงตัวนายชัยภูมิกลับหยิบระเบิดมือที่พกไว้ออกมา และพยายามที่จะขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นการประสงค์ต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานอยู่ ทำให้เวลานั้นเจ้าหน้าที่มีจำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธปืนประจำกายยิงออกไปเพื่อหยุดการกระทำดังกล่าว ทั้งยังเป็นการป้องกันตัวจำนวน 1 นัด ทำให้นายชัยภูมิ เสียชีวิต ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่จะใช้อาวุธต่อเมื่อมีความจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น



+++นายโรดรีโก โรอา ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค.นี้ จะเดินทางด้วยเครื่องบินเที่ยวบินพิเศษมาถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน(บน.) 6 ดอนเมือง ในวันที่ 20 มี.ค.นี้ เวลา 23.10 น. ส่วนช่วงเย็นพรุ่งนี้ 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะให้การต้อนรับอย่างเป็นทางการที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศจะหารือข้อราชการร่วมกันที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ต่อด้วยการหารือเต็มคณะซึ่งมีรัฐมนตรีจากกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ที่ห้องสีเขียว โดยจะเน้นการเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน การท่องเที่ยว การเกษตร พลังงาน ความร่วมมือทางการศึกษาและวิชาการ



+++จากนั้น ผู้นำไทยและฟิลิปปินส์ จะร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ข้อปฏิบัติและความตกลง 3 ฉบับ คือ 1.ความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับฟิลิปปินส์ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.การดำเนินงานตามโครงการความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ปี 2017-2022  และ 3.ข้อปฏิบัติว่าด้วยความร่วมมือในสาขาเฉพาะเกี่ยวกับการเลี้ยงกระบือปลักและกระบือนม ระหว่างศูนย์กระบือนม ประเทศฟิลิปปินส์ และกรมปศุสัตว์ ต่อด้วยการแถลงข่าวร่วมกันที่ตึกสันติไมตรี หลังใน ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ที่ตึกสันติไมตรี ทั้งนี้คาดว่าจะจัดเตรียมเค้กฉลองวันคล้ายวันเกิดของพล.อ.ประยุทธ์ซึ่งตรงกับวันที่ 21 มี.ค. พร้อมกับฉลองวันคล้ายวันเกิดล่วงหน้าให้กับนายดูแตร์เตซึ่งเป็นวันที่ 28 มี.ค.นี้



+++การหารือแก้ปัญหารถอูเบอร์ ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นเรียกรถยนต์รับจ้าง หลังพบปัญหานำรถยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายดำ) ที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นรถยนต์บริการสาธารณะ (ป้ายเหลือง) รวมถึงคนขับที่ไม่มีใบขับขี่สาธารณะมาวิ่งให้บริการจนเกิดการร้องเรียน หลังการประชุมร่วมกันระหว่าง นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม กับนางเอมี่ กุลโรจน์ปัญญา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายรัฐสัมพันธ์สื่อสารองค์กร ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หรืออูเบอร์ และตัวแทนจากมณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.มทบ.11. ) เพื่อแก้ไขปัญหาการให้บริการที่ผิดกฎหมาย  ที่ประชุมมีมติร่วมกันที่จะให้มีการศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการนำระบบบริการร่วมเดินทาง (Ridesharing) ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของการเดินทางของอูเบอร์ที่นำเอาเทคโนโลยีมาใช้บนสมาร์ทโฟนมาให้บริการแท็กซี่   เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับระบบดังกล่าว  คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาและสรุปผลได้ภายใน 6 เดือนถึง  1 ปี



+++นายสมศักดิ์ กล่าวว่า  ยังตอบไม่ได้ว่าผลการศึกษาจะเป็นอย่างไร หากเห็นว่าเหมาะสมอาจจะต้องจัดให้เป็นบริการรูปแบบใหม่ ซึ่งในอนาคตจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายและออกมาตรการกำกับเกี่ยวกับมาตรฐาน คนขับ ตัวรถ  การทำประกันภัย รวมทั้งการเสียภาษีการทำธุรกิจให้ถูกต้อง ระหว่างที่กำลังศึกษาความเหมาะสมกระทรวงขอความร่วมมือให้อูเบอร์ยุติการให้บริการไปก่อน



+++ด้านนางเอมี่ ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่กระทรวงคมนาคมให้อูเบอร์หยุดวิ่ง 6 เดือน-1 ปี โดยย้ำว่า อูเบอร์ไม่ได้ทำผิด เพียงแต่กฎหมายไทยยังไม่รองรับเท่านั้น และยืนยันว่า จะเดินหน้าให้บริการในประเทศไทยต่อไป



+++ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดช่วงเย็นที่ 1,563.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,790 ล้านบาท         



+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดเพิ่มขึ้น 192.06 จุด ปิดที่ 24,501.99 จุด



แฟ้มภาพ



 



 

ข่าวทั้งหมด

X