หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผย ถึงการตรวจยึดอาวุธสงครามจำนวนมากในเครือข่ายของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” แกนนำเสื้อแดงปทุมธานี ที่ขณะนี้หลบหนีคดีอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้พยายามติดตามทั้งในระดับรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ซึ่งมีความคืบหน้ามาโดยตลอด ส่วนจะส่งตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทยได้หรือไม่ขึ้นอยู่ระยะเวลา
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวลอบสังหารทั้งตนเองและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้ระมัดระวังตัวเป็นปกติ ซึ่งมีหน่วยรักษาความปลอดภัยคอยดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ทั้งนี้ส่วนตัวเป็นห่วงการเสนอข่าวของสื่อมวลชนในประเด็นการค้นอาวุธคราม ที่เชื่อมโยงถึงการลอบสังหารผู้นำประเทศ โดยขอให้ระมักระวังในการนำเสนอข่าวเพราะอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ โดยเฉพาะด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุนชาวต่างชาติ
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีที่ประกาศราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำวินิจฉัยคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ที่ระบุว่าไม่สามารขยายเวลาการออกหมายเรียกเก็บภาษีได้ จะส่งผลต่อการเสียภาษีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 1หมื่น6พันล้านบาทหรือไม่ว่า การเก็บภาษีนายทักษิณอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม จะทำได้หรือไม่จะต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาล แต่หากสามารถทำได้แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการก็จะมีความผิดในม.157 ในการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ยืนยันไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งใคร
สำหรับการตรวจสอบภาษีของนักการเมืองในอดีตที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากการดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การตรวจสอบทำทุกรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันก็ถูกตรวจสอบตามระเบียบ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐหรือ (ปปท.) อยู่แล้ว ซึ่งมีอำนาจในการตรวจสอบ 5 ปี โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นผิดปกติ ซึ่งหลังจาก 2 ปีที่พ้นจากตำแหน่งต้องแจ้งทรัพย์สิน ดังนั้นอย่ากล่าวหาว่าเป็นการรังแกใคร และที่มีข่าวอยู่ขณะนี้โดยเฉพาะการเสียภาษีก็จะต้องทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น
นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตรวจสอบกรณีนายชัยภูมิ ป่าแส อายุ 21 ปี นักกิจกรรมชาวลาหู่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ระบุว่าระหว่างปฏิบัติการสกัดจับขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พบนายชัยภูมิอยู่ภายในรถที่ขนยาเสพติดมา ซึ่งนายชัยภูมิพยายามวิ่งหนีออกจากรถและมีระเบิดภายในมือ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธ อย่างไรจะต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป และขออย่ามุ่งประเด็นไปเพียงว่าเป็นนักกิจกรรม ชาติพันธุ์ก็เลยจะต้องถูกวิสามัญ