หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดถึงการที่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าตรวจสอบโครงการจัดหาเรือดำน้ำจากจีน หลังพบความผิดปกติของการจัด ซื้อเรือดำน้ำจาก 2 ลำ เพิ่มเป็น 3 ลำ ว่า เรือดำน้ำมีความจำเป็นที่ฝ่ายความมั่นคงต้องจัดซื้อ ซึ่งโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนก็เป็นโครงการจัดซื้อแบบ จีทูจี หรือ รัฐต่อรัฐ ซึ่งถือว่ามีราคาถูกและมีศักยภาพเหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่ รวมไปถึงมีบริการหลังการขาย ทั้งนี้ก็ยินดีและไม่กังวลที่จะให้ สตง.ตรวจสอบกรณีดังกล่าว
ส่วนการใช้งบประมาณในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น โครงการพาคนกลับบ้านใช้งบร้อยล้าน โครงการซ่อมมัสยิด300ปีที่นราธิวาสงบ149ล้านที่บริษัทที่รับงานเป็นบริษัทล้มละลายแล้ว นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำให้กรมบัญชีกลาง เข้มงวดในการตรวจสอบบริษัทที่เข้าร่วมประมูล ว่าเป็นบริษัทที่ล้มละลายแล้วมาจดทะเบียนใหม่หรือไม่ ซึ่งต่อไปนี้จะมีมาตรการไม่ให้บริษัทหรือบุคคลที่ล้มละลายเข้าสู่ระบบการประมูล ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ ศูนย์อำนวยการบริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ตรวจสอบช่องโหว่ทางกฎหมายเพิ่มเติมอีกด้วย
นายกรัฐมนตรียังปฏิเสธถึงแนวคิดการใช้ม.44 ในการแก้ปัญหาแท็กซี่อูเบอร์ผิดกฎหมาย แต่ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปหาแนวทางแก้ปัญหา ส่วนตัวมองว่าอูเบอร์แท็กซี่เป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีของผู้ใช้บริการ แต่ต้องมีกฎหมายรองรับ ซึ่งเพราะมีการตรวจสอบและจับกุมเพราะมีผู้ร้องเรียนเข้ามา แต่อย่างไรก็ตามในวันนี้อูเบอร์แท็กซี่ ยังผิดกฎหมายจึงต้องคุ้มครองแท็กซี่ที่ถูกกฎหมายก่อน
ส่วนธรรมาภิบาลอุดมศึกษาที่มีข่าวจะประกาศมาตรา44ให้คนไม่เป็นข้าราชการนั่งเก้าอี้อธิการมหาวิทยาลัยของรัฐได้ ทำให้หลายฝ่ายกังวลเป็นช่องทางสืบทอดอำนาจของอธิการที่เกษียณอายุนั่งเก้าอี้ต่อ นายกรัฐมนตรีปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงเพราะเรื่องดังกล่าวมีคณะทำงานของกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการอยู่แล้ว
สำหรับ สถานการณ์ภัยแล้งด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลจะดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ โดยการบริการจัดการน้ำยังมีปัญหาโดยเฉพาะแหล่งกักเก็บน้ำ และระบบส่งน้ำไม่เพียงพอ เพราะประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วยในการก่อสร้าง จึงต้องการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้เข้าใจถึงปัญหา และรัฐบาลดำเนินการช่วยเหลืออย่างไร จึงขอให้เสียสละประโยชน์ส่วนน้อยเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ที่ยั่งยืน
ส่วนการหารือร่วมกับประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เตผู้นำฟิลิปปินส์ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เตรียมพูดคุยถึงความร่วมมือในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจการค้าและการลงทุนรวมไปถึงจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU อีก 3 ฉบับ เพิ่ม ความร่วมมือระหว่างประเทศให้มากขึ้นเพราะเป็นประเทศในประชาคมอาเซียนด้วยกัน