กรมชลประทาน สานต่อแนวพระราชดำริรัชกาลที่ 9 โครงการแก้มลิงที่ทุ่งมะขามหย่อง

21 มีนาคม 2560, 18:47น.


 ช่วงเย็นวันนี้กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางมาที่ทุ่งมะขามหย่อง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโครงการแก้มลิงเก็บน้ำในฤดูฝน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ รองอธิบดีฝ่ายวิชาการกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้นำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มาเป็นแนวทางการบริหารจัดการน้ำในสระเก็บน้ำ ในโครงการพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย บริเวณทุ่งมะขามหย่องตำบลบ้านใหม่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประมาณ200ไร่ ในรูปแบบแก้มลิง กักเก็บน้ำได้ประมาณ1.2 ล้านลูกบาศก์เมตร  เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางเกษตรในช่วงฤดูแล้งและรองรับน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากได้อย่างมีประสิทธิภาพ  



โดยแนวทางการบริหารจัดการน้ำกรมชลประทานจะเติมน้ำให้กับสระเก็บน้ำ โดยใช้ระบบท่อ มี3 รูปแบบ คือ ท่อส่งน้ำจากคลองชัยนาท-อยุธยา จะเติมน้ำได้วันละ 63,000ลูกบาศก์เมตร,โรงสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา จะสูบได้วันละ 166,000 ลูกบาศก์เมตร แต่หากน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงจะสามารถไหลเข้าสู่สระเก็บน้ำได้โดยวิธีธรรมชาติเอง และสุดท้ายท่อรับน้ำจะระบายน้ำในลักษณะทรงสี่เหลี่ยมจำนวน2ท่อ  สามารถรับน้ำเข้าพื้นที่ได้วันละประมาณ 300,000 ลูกบาศก์เมตร เมื่อถึงช่วงฤดูแล้งกรมชลประทานจะส่งน้ำในแก้มลิงไปให้เกษตรกรรอบโครงการจำนวน 1,037ไร่  





ส่วนการวางแผนใช้น้ำประจำปีในช่วงฤดูแล้งจะพิจารณาจากน้ำที่ไหลหลากเข้าทางท่อระบายน้ำฝั่งทิศเหนือว่ามีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากมีปริมาณไม่เพียงพอ ก็จะสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามาเพิ่ม เพื่อส่งไปให้เกษตรกรที่ทำนาปรัง ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายนประมาณ 500,000  ลูกบาศก์เมตร ส่วนในช่วงฤดูน้ำหลาก กรมชลประทานจะยึดแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 โดยใช้สระเก็บน้ำโครงการพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยเป็นพื้นที่แก้มลิงเปิดรับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยวิธีทางธรรมชาติ เข้าสู่สระเก็บน้ำนี้จนกว่าจะเต็มสระ



ด้านนายทวี พันธุ์เสือ  เกษตรกรที่ดูแลแปลงนาส่วนพระองค์ ในพื้นที่ทุ่งมะขามหย่องเล่าให้ฟังว่า  ได้รับผิดชอบพื้นที่จำนวน7ไร่2งานเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วจะทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9ทุกๆปี  ปีละเกือบ 7 ตัน  โดยเมื่อปี2538 จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเกิดภัยแล้ง ทำให้ข้าวในนาและพืชผลทางการเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่เสียหาย ต่อมาปี 2539 พระองค์ เสด็จมาเปิดประตูระบายน้ำ ทำให้มีโอกาสทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายข้าว ประมาณ 3 ตัน  ซึ่งขณะนั้นพระองค์บอกกับตนว่าจะนำข้าวดังกล่าวไปงานแรกนาขวัญ ต่อมาได้รับโอกาสให้เป็นผู้ ดูแลแปลงนาส่วนพระองค์จนถึงปัจจุบัน ซึ่งตนมีหน้าที่เก็บเกี่ยวผลผลิตและนำทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระองค์เพื่อใช้ประโยชน์ตามกรณีต่าง  ทั้งนี้หลังจากมีโครงการพระราชาอนุสาวรีย์พระสุริโยทัยขึ้นมา  การทำนาของเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงก็มีระบบมากขึ้น  การบริหารจัดการน้ำดีขึ้น ทำให้ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นและยัง มีน้ำใช้ตลอดปีด้วย



ข่าวทั้งหมด

X