ความคืบหน้าคดีพยายามฆ่าน.ส. สุกฤตา สุภานิล หรือ จูน อายุ 27 ปี นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในฐานะทนายความ พาน.ส. สุกฤตา และครอบครัว มาพบนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อรับการช่วยเหลือเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ทั้งทางคดีและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตามสิทธิที่ควรได้รับ
นายธวัชชัย ระบุว่า หลังจากยื่นหนังสือเพื่อขอรับเงินเยียวยาแล้ว กระทรวงยุติธรรมจะตั้งคณะกรรมการพิจารณาจ่ายเงินค่าทดแทนผู้เสียหายต่อไป เป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟู และค่าชดเชยรายได้ ยืนยัน จะดำเนินการให้โดยเร็วที่สุด ส่วนการคุ้มครองพยาน มีการพิจารณาแล้วยังไม่เข้าข่ายข่มขู่ แต่ถ้าหากมีการข่มขู่ต่อเนื่อง ให้มายื่นคำร้องต่อกระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง โดยการคุ้มครองพยาน จะมี 2 มาตรการ คือ มาตรการคุ้มครองพยานทั่วไป และมาตรการคุ้มครองพยานพิเศษ ที่จะต้องยื่นกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยจะมีเงินค่าคุ้มครองพยานให้กับผู้เสียหายด้วย
นายธวัชชัย ระบุว่า สำหรับกรณีถูกทำร้ายร่างกาย ได้รับความเสียหายแบบกรณีดังกล่าวมีเป็นจำนวนมาก จึงขอฝากถึงประชาชน หากได้รับความเสียหาย ให้มายื่นเรื่องร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรม ยืนยันไม่เลือกปฏิบัติทั้งสิ้น
นางนงภรณ์ รุ่งเพ็ชรวงศ์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ระบุว่า หลังจากยื่นเรื่องร้องเรียน จะประสานกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานงานด้านการรักษาพยาบาลต่อไป
ด้านนายสงกรานต์ ระบุว่า หลังจากที่เมื่อเช้านี้ ร.ต. ภาณุพงศ์ เจริญศรี หรือ หมวดแบงค์ อายุ 24 ปี นายทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 1 ศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์ อ. ปราณบุรี จ. ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นอดีตสามีน.ส. สุกฤตา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ. ปราณบุรี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาพยายามฆ่าแล้ว หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนนำตัวร.ต. ภาณุพงศ์ไปศาลทหาร มณฑลทหารบกที่ 15 จ. เพชรบุรี โดยศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้วงเงิน 4 แสนบาทประกันตัว
นายสงกรานต์ ระบุว่า พรุ่งนี้จะพาน.ส. สุกฤตา ไปพบพล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอที่เส้นผม กับปืนของกลางของร.ต. ภานุพงศ์ รวมทั้งลายนิ้วมือแฝง เพราะตั้งแต่แจ้งความ ตำรวจไม่เคยตรวจดีเอ็นเอเลย และส่วนตัวไม่เชื่อว่าผู้ต้องหากระทำการคนเดียว จึงขอให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย
น.ส. สุนทรี เถาวัลย์ มารดาของน.ส. สุกฤตา กล่าวว่า ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากก่อนหน้านี้ครอบครัวตกอยู่ในความหวาดกลัวมาโดยตลอด และได้รับความเดือดร้อน เรื่องจากน.ส. สุกฤตา เป็นกำลังหลักในการหารายได้ให้ครอบครัว ส่วนประเด็นการข่มขู่ ร.ต. ภานุพงศ์ เคยโทรศัพท์มาขอให้ลูกสาวแก้คำให้การกับตำรวจ หากไม่แก้คำให้การและพิสูจน์แล้วไม่มีความผิด จะฟ้องกลับเป็นเงิน 5-6 ล้านบาท ลูกสาวจึงหวาดกลัว เพราะไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม จึงไปแก้คำให้การกับตำรวจ โดยขณะนี้ลูกสาวเหมือนเด็กเกิดใหม่ ตั้งแต่รักษาอาการบาดเจ็บ ก็มีพัฒนาการช้า ไม่เหมือนอดีต และไปแก้คำให้การ โดยตอนนี้รู้สึกมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น และตอนนี้ตัวเองไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ และไม่รับสายเบอร์แปลกอีกเลย
น.ส. สุกฤตา กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองถูกอดีตสามีเรียกออกไปพูดคุยและทะเลาะกัน จากนั้นอดีตสามีพาไปในที่เปลี่ยว เกิดมีปากเสียงกัน ร.ต. ภานุพงศ์ชกเข้าที่เบ้าตา และนำของแข็งทุบที่ศีรษะหลายครั้ง ก่อนจะลากไปที่พงหญ้า แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย เมื่อฟื้นขึ้นมา ก็ถูกข่มขู่ให้ไปแก้คำให้การ ตัวเองไม่อยากให้มารดาต้องเดือดร้อนจึงทำตามที่ ร.ต. ภานุพงศ์บอก
ทั้งนี้ ความคืบหน้าของคดีดังกล่าว ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสอบสวนวินัยร้ายแรง เนื่องจากมีการร้องเรียนว่ามีการดำเนินคดีล่าช้า ล่าสุดมีคำสั่งให้ พ.ต.ท. พิชิต แสงศิริสุทธิสาร พนักงานสอบสวน สภ.สามร้อยยอด ที่รับผิดชอบคดีชอบคดีดังกล่าว ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำ กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 จนกว่าการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะเสร็จสิ้น
ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข