การเรียกร้องให้ตรวจสอบการเสียชีวิตของนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมทางสังคมชาวลาหู่ และประธานเครือข่ายเยาวชนต้นกล้าชนเผ่าพื้นเมือง เมื่อวันที่ 17 มี.ค. บริเวณด่านตรวจบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ นางสาวเนตรดาว ยั่งยุบล ผู้ประสานงาน องค์กรด้านเด็กและเยาวชน 58 องค์กรกล่าวว่า ในฐานะที่เป็นองค์กรด้านเด็กและเยาวชน มีความเสียใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยองค์กรต่างๆ พยายามจะปกป้องสิทธิมนุษยชน และให้ความเป็นธรรม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทยในปัจจุบัน ที่ถูกเลือกปฏิบัติในเรื่องชาติพันธุ์ ซึ่งการที่เยาวชนกลุ่มชนเผ่าต่างๆ จะลุกขึ้นมา ทำงานเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์ตัวเองต้องฝ่าฟัน กับความด้อยโอกาสในสังคมมาก กว่าที่จะได้บุคลากร ที่ทำงานด้านสังคม จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นการสูญเสียบุคคลเพียงคนเดียว ถือเป็นการสูญเสียที่สำคัญ ซึ่งอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ว่าผลการตรวจสอบจะออกมาเป็นอย่างไร สามารถยอมรับได้ ขอเพียงให้เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากที่เกิดเหตุ และไม่ใช่การออกมาให้ข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว
ส่วนความกังวลเรื่องความไม่เท่าเทียมในการเรียกร้องความเป็นธรรม เนื่องจากนายชัยภูมิเป็นบุคคลไม่มีสัญชาติ นางสาวเนตรดาว กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ถูกปฏิบัติมาอยู่แล้วและสามารถรับสภาพได้ เพราะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ยอมรับว่ากังวลใจว่านายชัยภูมิจะไม่ได้รับความสำคัญ การดำเนินการล่าช้า ไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากเป็นชาวลาหู่ และไร้สัญชาติ พร้อมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาสืบข้อเท็จจริงไม่ให้เรื่องเงียบหายไปและเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก รวมทั้งเปิดโอกาสให้ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย
ส่วนกรณีที่ภาครัฐ ระบุว่า แม้นายชัยภูมิ จะเป็นนักกิจกรรม แต่ไม่อยากให้มั่นใจว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นางสาวเนตรดาว กล่าวว่า อยากจะให้แยกเป็นกรณี เรื่องของยาเสพติดก็จะต้องมีการตรวจสอบทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้ง ต้องมีพยานหลักฐาน ส่วนเรื่องที่ระบุว่านายชัยภูมิ มีระเบิดอยู่ที่ตัว ขณะเกิดเหตุ หากมีความผิดจริง จะต้องจับกุมตัวเพื่อมาตรวจสอบ ไม่ใช่การทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต อย่างที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม