ที่ศาลจังหวัดตรัง ผู้พิพากษาศาลจังหวัดตรังได้ออกนั่งบัลลังก์ที่ 11 พิจารณาคดีดำเลขที่ อ.31117/59 ที่อัยการจังหวัดตรังเป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายกิตติศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ซึ่งตกเป็นจำเลยในคดีจับลูกสาววัย 8 ขวบ บังคับกินยาบ้าผสมน้ำอัดลมแล้วลงมือข่มขืน จนเป็นเหตุให้ลูกสาวเสียชีวิตในบ้านพักของตนเอง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 59 ซึ่งการพิสูจน์ของแพทย์ระบุเด็กเสียชีวิตเนื่องจากได้รับสารเสพติดชนิดแอมเฟตามีนเกินขนาดโจทย์ได้ยื่นฟ้องจำเลย ใน 2 ข้อหาหนัก คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายด้วยการบังคับให้เด็กหญิงเสพสารเสพติดเข้าไปในร่างกายจนเกินขนาดเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายและ 2.ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งเป็นผู้สืบสันดาน
นอกจากนั้นศาลได้นำคดีเก่าของ นายกิตติศักดิ์ คือ เสพสารเสพติดขณะขับรถซึ่งศาลได้รอลงอาญาไว้ตั้งแต่ปี 2557 มาพิจารณาด้วย โดยศาลใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษานานประมาณ 40 นาที พิจารณาหลักฐานทุกด้าน ทั้งพยานบุคคลซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์ พยาบาล ซึ่งเป็นคนกลาง รวมทั้งพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะดีเอ็นเอที่พบจากเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตแล้วเห็นว่า จำเลยเป็นผู้ลงมือกระทำการเพียงคนเดียว
ส่วนพยานฝ่ายจำเลยทั้งตัวจำเลยรวมทั้งภรรยาของจำเลย (ซึ่งเป็นแม่ของผู้เสียชีวิต) และน้องสาวของผู้เสียชีวิตให้ปากคำที่มีการปรุงแต่งโดยไม่มีหลักฐานใดๆ มาประกอบ พิจารณาลงโทษการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปีซึ่งเป็นผู้สืบสันดาน จำคุก 24 ปี , ฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายจำคุก 8 ปี ส่วนจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุให้บรรเทาโทษลดโทษได้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 โดยฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งเป็นผู้สืบสันดาน คงจำคุก 16 ปี ,ฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย คงจำคุก 5 ปี 4 เดือนรวมจำคุกจำเลย 21 ปี 4 เดือน และให้นำโทษจำคุก 4 เดือนที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2557/2557 (คดีเสพสารเสพติดขณะขับรถ ) มาบวกเพิ่มโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ด้วย รวมเป็นจำคุกจำเลยมีกำหนดทั้งหมด 21 ปี 8เดือนทั้งนี้ บรรดาญาติๆ ของจำเลยเดินทางไปร่วมรับฟังการพิจารณาคดี 3-4 คนเท่านั้น โดยภรรยาของจำเลย ซึ่งเป็นแม่ของเด็กหญิงไม่ได้เดินทางไปร่วมรับฟังคำพิพากษาด้วยแต่อย่างใด