การเรียกร้องขอความเป็นธรรมคดีที่นางสาวสุกฤตา สุภานิล หรือ จูน สังกัดกองทัพบก ถูกร้อยตรีภาณุพงศ์ เจริญศรี หรือ หมวดแบงค์ อดีตแฟนนายทหารทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสกะโหลกร้าว เบ้าตาแตก ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกว่า 3 เดือน หลังจากเกิดเหตุได้แจ้งความในพื้นที่ สภ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่คดีไม่มีความคืบหน้า ประกอบกับนางสาวสุกฤตา ถูกร้อยตรีภานุพงค์ ข่มขู่ คุกคาม นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการ บ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และในฐานะทนายความ พร้อมด้วยครอบครัวของนางสาวสุกฤตา เดินทางเข้าพบพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) เพื่อให้รายละเอียดคดีและนำหลักฐานมามอบให้เพิ่มเติม
นางสุนทรี เถาวัลย์ มารดาของนางสาวสุกฤตา กล่าวว่า ครอบครัวติดใจประเด็นสถานที่เกิดเหตุ เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นที่เปลี่ยวห่างจากปากซอยถึง 20 กิโลเมตร จึงไม่เชื่อว่าร้อยตรีภานุพงศ์ จะทำร้ายลูกสาวเพียงคนเดียวอาจจะมีบุคคลให้การช่วยเหลือหลังก่อเหตุ และสงสัยในประเด็นอาวุธปืนที่ตำรวจได้ยึดไว้เป็นของกลางว่าทำไม่ตำรวจเพิ่งเอามาให้ตรวจสอบ เพราะระยะเวลาผ่านมา 2-3 เดือนแล้ว รวมถึงในประเด็นที่ พ่อ และ แม่ ของร้อยตรีภานุพงศ์ ติดต่อเข้ามาเสนอเงินให้ 1 ล้านบาท ยืนยันว่าไม่ได้รับเงินไว้และไม่ได้มีการเซ็นเอกสารใดๆ ส่วนโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน และ กุญแจรถ ของนางสาวสุกฤตาที่หายไปในวันเกิดเหตุ ขณะนี้ก็ยังไม่พบ
พลตำรวจตรีสมเกียรติ แสงสินศร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 กล่าวว่า ในส่วนของร้อยตรีภานุพงศ์ที่ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ยืนยันว่าไม่กระทบกับสำนวนคดีแน่นอน สำหรับที่ศาลพิจารณาอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตำรวจมีการคุ้มครองพยานอยู่แล้ว แต่หากพบว่ามีการข่มขู่ ตำรวจก็จะทำเรื่องขอให้ศาลทหารถอนประกันทันที
ทั้งนี้ กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของนางสาวสุกฤตาและตรวจสอบลายนิ้วมือบนอาวุธปืนที่ใช้ทำร้าย เพื่อประกอบสำนวนคดีและหาความเชื่อมโยงว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง โดยจะใช้ระยะเวลาในการตรวจระยะหนึ่ง จึงจะสามารถเปิดเผยได้
ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ