นายกฯอังกฤษไม่หวั่นไหวภัยก่อการร้าย/กองปราบ เตรียมรับตัวผตห.เครือข่ายโกตี๋/มีชัย ไม่เห็นด้วยคงกกต.จังหวัด

+++บีบีซี รายงานว่านายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษกล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันนี้ว่าคนร้ายลงมือก่อเหตุคนเดียวและไม่มีเหตุที่ต้องหวั่นเกรงว่าอาจจะเกิดเหตุโจมตีขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้นี้ ระบุว่าคนร้ายเป็นพลเมืองชาวอังกฤษและเคยถูกหน่วยข่าวกรองภายในประเทศหรือเอ็มไอ5 สอบสวนเมื่อหลายปีก่อน แต่คนร้ายไม่ได้อยู่ในเป้าหมายที่หน่วยข่าวกรองสอดส่องติดตามพฤติกรรมอยู่ปัจจุบัน ผู้นำอังกฤษ กล่าวว่า ระดับของภัยคุกคามต่อความมั่นคงของอังกฤษในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่สูงเช่นเดิม และระดับของภัยคุกคามยังไม่เปลี่ยนแปลงไปหลังเกิดเหตุโจมตีเมื่อวานนี้

+++การก่อการร้ายบริเวณอาคารรัฐสภาเมื่อวานนี้เป็นความพยายามจะปิดปากไม่ให้นักการเมืองอังกฤษพูดคุยเรื่องประชาธิปไตย แต่วันนี้ พวกเราสามารถมาประชุมกันได้ตามปกติ เธอกล่าวอีกว่าพวกเราไม่เคยหวั่นกลัวและไม่หวั่นไหวเมื่อต้องเผชิญกับเหตุก่อการร้าย ระบุว่าผู้ก่อการร้ายบุกเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ที่ผู้คนจากหลายสัญชาติและวัฒนธรรมชื่นชมยินดีว่าการเป็นสังคมเสรีประชาธิปไตยเป็นเรื่องประเสริฐที่สุด

+++ผู้นำอังกฤษ ยกย่องตำรวจคือนายคีธ พาล์มเมอร์ วัย 48 ปี ที่ถูกคนร้ายใช้มีดแทงเสียชีวิตที่บริเวณด้านนอกอาคารรัฐสภาว่า ตำรวจคนนี้เป็นวีรบุรุษและคนทั่วประเทศคงจะไม่ลืมการทำหน้าที่วีรบุรุษของเขาในครั้งนี้

+++สำหรับผู้บาดเจ็บมาจากทั่วโลก ในจำนวนนี้เป็นชาวอังกฤษ 12 คน ชาวฝรั่งเศส 3 คน ชาวโรมาเนีย 2 คน ชาวเกาหลีใต้ 4 คน ชาวกรีซ 2 คนและชาติละ 1 คนจากเยอรมนี,โปแลนด์, ไอร์แลนด์,จีน,อิตาลีและสหรัฐฯ ตำรวจบาดเจ็บ 2 นาย

ด้านบริษัทให้เช่ารถชื่อเอ็นเทอร์ไพรซ์ในเมืองนอตติงแฮมยืนยันว่ารถยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุคือรถของบริษัทๆได้แจ้งตำรวจให้ทราบทันทีที่ทราบว่าเป็นรถของบริษัท

+++มาร์ก โรลีย์ รักษาการรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลลอนดอนและผู้ช่วยผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษแถลงวันนี้ว่า ตำรวจได้ตรวจค้น 6 แห่งทั้งในกรุงลอนดอน เมืองเบอร์มิงแฮม และอีกหลายเมือง จับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 7 คน และได้แจ้งปรับลดยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายเมื่อวานนี้ว่ามีทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วยคีธ พาล์มเมอร์ ตำรวจวัย 48 ปี ที่ถูกแทง 1 นาย ประชาชน 2 คน เป็นสตรีวัย 40 กว่าปี และชายวัย 50 กว่าปี ส่วนคนร้ายถูกตำรวจนายอื่นยิงหลังแทงตำรวจ

+++ทางการเกาหลีใต้ กู้ซากเรือเฟอร์รี่โดยสาร เซวอล ขึ้นจากท้องทะเลแล้ว หลังเกิดโศกนาฏกรรม ประสบเหตุพลิกคว่ำนอกชายฝั่งเมืองจินโด ขณะมุ่งหน้าไปยังเกาะเซจู ตั้งแต่ 3 ปีก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 304 ศพ ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมของโรงเรียนดันวอน ที่กำลังเดินทางไปทัศนศึกษา โดยเรือเซวอลได้ถูกยกขึ้นอย่างช้าๆ จากท้องทะเลขุ่นข้นสีเทา จนเป็นการเตือนความทรงจำต่อโศกนาฏกรรมสะเทือนใจครั้งใหญ่ของประเทศ

+++การกู้เรือเซวอล ที่จมอยู่ใต้ทะเลในระดับความลึก 44 เมตร ได้เริ่มต้นตั้งแต่ค่ำวันพุธ โดยเจ้าหน้าที่และทีมคนงานได้เร่งทำงานกันตลอดทั้งคืน หลังจากพ่อแม่ญาติพี่น้องของผู้ที่ยังสูญหายอีก 9 ราย ได้พยายามเรียกร้องมาตลอดให้ทางการกู้เรือเซวอลขึ้นจากท้องทะเล ด้วยความหวังว่าอาจพบผู้สูญหายติดอยู่ในเรือก็เป็นได้

+++สาเหตุที่ทำให้เรือเซวอลพลิกคว่ำ และอับปางเมื่อ 16 เมษายน 2557 เกิดจากโครงสร้างเรือไม่ปลอดภัย บรรทุกน้ำหนักเกิน และกัปตันยังขับเรือด้วยความเร็วสูงเกินไป โดยขณะนี้ กัปตันเรือเซวอลซึ่งโดนดำเนินคดีในข้อหาฆาตกรรม ได้ถูกศาลตัดสินเมื่อปี 2558 ให้ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ขณะที่ลูกเรือคนอื่นๆ ได้รับโทษจำคุกเป็นระยะเวลาที่น้อยกว่า

+++กรณีเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมด้วยตำรวจเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 9 จุด ใน 7 จังหวัด เมื่อวันที่ 18 มี.ค. สามารถตรวจยึดอาวุธสงครามพร้อมเครื่องกระสุนได้เป็นจำนวนมาก พร้อมกับควบคุมตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธของกลางดังกล่าว 9 ราย และพบว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายของ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ก่อนที่ต่อมาศาลจะออกหมายจับโกตี๋และพวกรวม7คน ในข้อหาร่วมกันครอบครองอาวุธสงคราม และเครื่องกระสุน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ มีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง ขณะที่บางคนถูกตั้งข้อหาพ.ร.บ.ยาเสพติด

+++พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบก.ป. กล่าวว่า วันที่ 24 มี.ค.เวลา10.00 น. ทหารจะนำตัวทั้ง 9 คนมาส่งให้กับพนักงานสอบสวนบก.ป . โดยเบื้องต้นทางกองปราบจะมีการเตรียมเจ้าหน้าที่ในการรับมอบตัว โดยจะมีการตรวจสอบร่างกายและพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำประกอบสำนวน ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาตามแต่ละความผิด ซึ่งในแต่ละคนจะมีข้อหาไม่เหมือนกัน โดยจะแยกตามของกลางที่สามารถตรวจยึดได้จากบ้านพักที่พบ ก่อนจะควบคุมตัวขออำนาจศาลอาญา รัชดาฝากขังในวันเดียวกันต่อไป

+++กรณีตัวแทนจากคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) เข้าพบคณะกรรมการพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วย กกต.ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เมื่อช่วงเช้า โดยเสนอขอให้คงกกต.จังหวัดไว้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)  กล่าวถึงสาเหตุที่กรธ.ยกเลิกกกต.จังหวัด เพราะมีข้อครหาเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มการเมือง ยืนยันว่า การที่กรธ.ตัดกกต.จังหวัดออก ไม่ใช่การตัดมือไม้กกต. เพราะกกต.สามารถมีผู้ตรวจการเลือกตั้งเข้าไปช่วยทำงาน ส่วนที่ระบุว่าผู้ตรวจการการเลือกตั้งอาจมีเพียง 100 คน กรธ.ไม่ได้กำหนดเพราะเป็นหน้าที่ของกกต.ที่จะต้องวางหลักเกณฑ์

+++ข้อเสนอของกกต.สวนทางกับกรธ.จะเกิดปัญหาระหว่างการพิจารณาของสนช.หรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสนช. เมื่อให้กรธ.ไปชี้แจงก็จะชี้แจงในหลักการและเหตุผลว่าได้ปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง ซึ่งข้อเสนอแนะที่ได้มาจริงๆแล้วก็มาจากสนช.และสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ(สปท.) หากสนช.จะเปลี่ยนแปลงต้องพิจารณาด้วยว่าไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ และถ้ากรรมการองค์กรอิสระมีความเห็นที่ต่างออกไปและพยายามหักล้าง ควรบอกด้วยว่าข้อเสนอที่หักล้างนั้นดีอย่างไร เพื่อโน้มน้าวให้สนช.มองเห็นประโยชน์หรือสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ หากกรธ.ชี้แจงไม่ได้ก็ต้องยอม แต่โดยชั้นนี้ยังไม่มีอะไรหนักใจเพราะการทำหน้าที่เป็นไปเพื่อส่วนรวม ทุกคนต้องมองประเทศสำคัญ โดยไม่ยึดติดว่าสิ่งนั้นเป็นของเรา ใครมาแตะต้องไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะทำงานร่วมกับคนอื่นไม่ได้

+++ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายสุรชัย  เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระบวนการถอดถอนนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง กรณีออกหนังสือเดินทางธรรมดาให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโดยมิชอบ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เป็นผู้กล่าวหา ที่ประชุมได้นัดรับฟังคำแถลงปิดสำนวนคดี ในวันที่ 29 มี.ค. และนัดลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนผู้ถูกกล่าวหา ในวันที่ 30 มี.ค.

+++น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. ระบุว่า นายสุรพงษ์ ออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณเป็นการกระทำที่มิชอบ เนื่องจากไม่มีการตรวจสอบและฝ่าฝืนข้อบังคับที่ 21 ที่สามารถปฏิเสธหรือยับยั้งการออกหนังสือเดินทางได้ กรณีบุคคลดังกล่าวถูกออกหมายจับหรือมีคำสั่งโทษจำคุก ทั้งที่เป็นบุคคลที่ถูกขึ้นแบล็คลิสต์ ตามข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศ การออกหนังสือเดินทางให้นักโทษในคดีอาญาของนายสุรพงษ์ เป็นเรื่องกระทบต่อความมั่นคงและความเชื่อมั่นของนานาประเทศ เป็นการออกหนังสือเดินทางที่ดำเนินการภายใน 1 วัน โดยไม่สอบถามความเห็นไปที่ศาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นการดำเนินการที่พิเศษจากประชาชนทั่วไป

+++ขณะที่นายสุรพงษ์ ชี้แจงว่า การพิจารณาออกหนังสือเดินทางให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเพราะเห็นว่าไม่เป็นภัยต่อประเทศ และใช้ดุลพินิจโดยสุจริตตามข้อเท็จจริง ดำเนินการตามกระบวนการปกติไม่ได้เร่งรัดหรือสั่งการเป็นกรณีพิเศษ อีกทั้งผู้รักษาการตามระเบียบว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง คือปลัดกระทรวงการต่างประเทศ

+++พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึง กรณีเหตุเพลิงไหม้อาคารการประปาส่วนภูมิภาคสำนักงานใหญ่ ว่า กรณีที่เกี่ยวข้องกับเอกสารสำคัญทางหน่วยงานที่รับผิดชอบของการประปาส่วนภูมิภาคเป็นผู้ทำการตรวจสอบ ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่พนักงานสอบสวนจะนำมาประกอบสำนวนการสอบสวน ส่วนสาเหตุจะเกิดจากความประมาท หรือ อุบัติเหตุไฟฟ้าลัดวงจร  เจตนาหรือจงใจ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลการพิสูจน์จากทางกองพิสูจน์หลักฐาน แต่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทำการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้ที่อยู่ภายในบริเวณที่เกิดเหตุทั้งหมด โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานอยู่บริเวณจุดที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ว่ามีพิรุธก่อให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ได้หรือไม่ พร้อมทั้งสอบปากคำชาวบ้านบริเวณโดยรอบในกรณีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเก็บรายละเอียดทั้งหมด เมื่อผลการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานชัดเจนก็จะนำมาวิเคราะห์ ทั้งนี้คาดใช้เวลาไม่นานจะสรุปสาเหตุได้

+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดที่ 1,568.72 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด มูลค่าซื้อขาย 38,378.33 ล้านบาท

+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 7.29 จุด ปิดที่ 24,327.70 จุด นักลงทุนจับตาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติร่างกฎหมาย อเมริกันเฮลธ์แคร์  เพื่อใช้แทนกฎหมาย โอบามาแคร์ ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ



+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว ปิดบวก 43.93 จุด  ที่ 19,085.31 จุด

CR:BBC