หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวถึงกรณีที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชน ต้านคอรัปชั่น จะเดินทางลงพื้นที่พิสูจน์ การตั้งบ่อนคาสิโน บริเวณจุดผ่ายแดนด่านช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ในวันที่ 29 มีนาคมนี้ว่า นายวีระไม่มีหน้าที่ที่จะลงไปตรวจที่ดังกล่าว แต่ถ้าจะลงไปก็ต้องระมัดระวังเพราะเป็นเขตพื้นที่ชายแดนเป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว ส่วนกัมพูชาเข้ามาสร้างบ่อนคาสิโนในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชานั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนแต่เป็นพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทย-กัมพูชาซึ่ง มีคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างประเทศ ดำเนินการอยู่เพราะในการปักปันต้องเห็นชอบของทั้งสองประเทศ
ส่วนที่มีกระแสว่ามีนักลงทุนรู้จักกับผู้มีอำนาจ และยืนยันว่าไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นซึ่งกรณีนี้ต้องดูตั้งแต่เริ่มต้นว่าเขาเริ่มสร้างมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และขอนายวีระอย่าสร้างความขัดแย้งเพราะการข้ามไปเขตกัมพูชาอาจจะถูกจับซึ่งก่อนหน้านี้นายวีระก็ถูกเคยถูกจับมาแล้ว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการขอดูกล้องวงจรปิดกรณีวิสามัญนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ว่า ถ้าหากนำมาเปิดเผยอาจมีผลกระทบต่อคดี แต่ขณะนี้อยู่ในกระบวนการรวมรวมพิสูจน์หลักฐานและหากพบว่าเจ้าหน้าที่ทำผิดก็ต้องดำเนินการเช่นกัน
ส่วนมาตรการในการลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอประชาชนอย่ากังวลรัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มที่ห้ามทุกอย่าง แม้จะออกมาตรา44คุมเข้มวินัยจราจรก็ห้ามคนตายไม่ได้ แต่จะต้องอาศัยความร่วมมือประชาชนในการปฏิบัติตามกฎจราจร และเคารพกฎหมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนน รัฐบาลจะไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวเพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน โดยย้ำว่าสิ่งสำคัญคือประชาชนอย่าทำกฎหมายซึ่งการเล่นน้ำสงกรานต์จะต้อง เป็นไปตามประเพณีดั้งเดิมของไทยและขอความร่วมมือประชาชน ซึ่งไม่อยากเห็นภาพการแต่งตัววาบหวิวการเต้นยั่วยวนซึ่งจะทำให้ผิดเพี้ยนไปอาบน้ำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสม เพราะประเทศอยู่ในห้วงของระยะเวลาสำคัญ ส่วนตัวเชื่อว่าชาติเข้าใจ
ส่วนกรณีที่กรมสรรพกร ติดป้าย เรียกเก็บภาษีนายทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่บ้านจันท์ส่องหล้า นายกรัฐมนตรีนะบุว่า เป็นธรรมเนียมปฏิบัติอยู่แล้วถ้ามีพบตัวก็จะส่งกับตัว แต่หากไม่พบตัวก็นำไปติดที่บ้าน พร้อมย้ำว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่เกี่ยวปรองดองเพราะเรื่องนี้นี้ผิดกฎหมายจึงต้องว่าไปตามกระบวนการ
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ไม่มีการพิจารณาเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพคำถึงการใช้งบประมาณอยู่แล้ว และกองทัพเรือมีก็การวางแผนมาเป็นระยะเวลานาน โดยการดำเนินงานมี 3 ระยะและต้องใช้เวลาในการก่อสร้างเรือ โดยการซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้สามารถซื้อได้ในราคามิตรภาพโดยซื้อ 3 ลำ ในราคา 3.6 หมื่นล้าน วันนี้จำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ และขออย่ามองรัฐบาลตนเองทำเพื่อหาผลประโยชน์หรือโกง เพราะคงไม่มีทางทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน และส่วนตัวพยายามทำให้ดีที่สุด พร้อมย้ำว่าไม่มีใครเข้ามากอบโดยเว้นแต่คนที่มาแอบอ้าง
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่าเมื่อสักครู่ได้สั่งย้ายนายตำรวจในพื้นที่ภาคใต้ที่แอบอ้างว่าเป็นคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนเข้ามา โดยให้ย้ายออกจากพื้นที่ และหากสอบสวนพบว่าทำความผิดจริงก็ต้องให้ออกจากราชการและดำเนินการตามกฎหมาย