นายกฯย้ำ ทหารไม่หวังผลประโยชน์ ตั้งบรรษัทน้ำมัน ชี้ ภาคประชาชนกดดัน ปท.ชาติจะเสียหาย

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่ามีทหารกลุ่มหนึ่งพยายามแทรกเนื้อหาตั้งบรรษัทน้ำมันในร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ปี 2557 และพยายามจะออกมาตั้งแต่ก่อนที่ตนเองจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี  ซึ่งรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมาก็มีการเสนอกฎหมายดังกล่าวเข้ามาพิจารณา โดยให้มีระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต นอกเหนือจากระบบสัมปทาน และได้ดำเนินการมาตามลำดับ แต่ปรากฏว่ามีกลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) เรียกร้องประเด็นต่างๆมากมายและรัฐบาลก็รับฟังมาโดยตลอด และเมื่อรวบรวมความเห็นก็ส่งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช. )เพื่อพิจารณาโดยคณะกรรมาธิการ

ส่วนตัวเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่ายังไม่พร้อมและไม่มีความจำเป็น เพราะมีบริษัทอยู่แล้วเดิมที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่จำนวนมาก ซึ่งอาจจะเกิดความซ้ำซ้อนเพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ  ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้เสนอให้ตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติที่แต่เป็นข้อเสนอภาคประชาชนหลายเครือข่ายที่ต้องการบรรจุเรื่องนี้เข้าไป หากทำได้ ทำไม่ได้ หรือมีปัญหา ส่วนกรณีที่คปพ.กดดันว่าว่าจะมาล้อมรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาลนั้น พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะรับข้อเสนอให้ไปพิจารณา และพิจารณาแล้วไม่เหมาะสมก็ต้องยอมรับกติกา หากใช้วิธีกดดันแบบนี้ประเทศชาติจะเสียหายและเสียประโยชน์

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องการพ.ร.บ.ปิโตรเลียมออกมาบังคับใช้ให้ได้ เพราะเกี่ยวข้องกับการลงทุนและการขุดเจาะน้ำมัน เนื่องจากมีหลายพื้นที่ต้องทำสัมปทานและระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต และอนาคตพลังงานจะขาดแคลน ซึ่งจะใช้เวลาอีก 5-6 ปี กว่าบริษัทจะเริ่มลงทุนและตัดสินใจ ดังนั้นต้องรีบทำในวันนี้ ส่งผลให้หลายประเทศไปลงทุนที่อื่นแทน ขณะเดียวกัน สนช. เร่งรัดการพิจารณาพ.ร.บ.ปิโตรเลียมมา 6 ครั้งแต่ถูกต่อต้านมาตลอด  ส่วนประเด็น ที่มีผู้พยายามยึดโยงกับโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ด้วย  แต่ระบุว่าหากออกมาต่อต้านอีกจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาให้อภัยไปหลายครั้งแล้ว  พร้อมระบุว่าการสร้างการรับรู้เรื่องพลังงานในภาคใต้ ต้องให้เกิดความเข้าใจก่อน แต่ปรากฏว่าไม่เข้าใจกันซะหมด ทำให้เป็นสาเหตุของความขัดแย้ง และท้ายสุดทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม