*ออสเตรเลีย ยืนยันการตรวจพบสัญญาณกล่องบันทึกการบินจากใต้ทะเล *

พลอากาศเอกแองกัส ฮูสตัน หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 ของออสแตรเลีย แจ้งว่าสัญญาณที่เรือจีนตรวจพบในมหาสมุทรอินเดียมีความสอดคล้องกับสัญญาณจากกล่องดำของเครื่องบิน ตามที่เมื่อวานนี้สำนักข่าวซินหัวของทางจีนรายงานว่า เครื่องตรวจจับสัญญาณของกล่องดำในเครื่องบินโดยสารของเรือค้นหาจีนสามารถตรวจจับสัญญาณได้ที่ช่วงความถี่ 37.5 กิโลเฮิร์ซ ซึ่งเป็นช่วงความถี่ที่โฆษกของบริษัทฮันนี่เวลล์ แอโรสเปซ ผู้ผลิตกล่องดำให้กับเครื่องบินลำที่สูญหายระบุว่า เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการเดินทางของเครื่องบิน เที่ยวบิน MH 370 และเครื่องบันทึกเสียงในห้องควบคุมการบินใช้ โดยพลอากาศเอกฮูสตันกล่าวในแถลงการณ์ของศูนย์ปฏิบัติการร่วมในการค้นหาเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ในวันนี้ว่า ศูนย์ปฏิบัติการค้นหาร่วมได้ติดต่อไปยังรัฐบาลจีนเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจพบสัญญาณ รวมทั้งกำลังวางแผนที่จะนำกำลังค้นหาเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งนอกจากการตรวจพบสัญญาณความถี่ที่เป็นช่องสัญญาณเดียวกับกล่องดำแล้ว วานนี้ยังมีการตรวจพบวัตถุสีขาวจำนวนมากลอยอยู่กลางทะเล ห่างจากบริเวณที่มีการตรวจจับสัญญาณความถี่ได้ราว 90 กม. แต่ทั้งหมดยังไม่เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่า สัญญาณความถี่และวัตถุสีขาวที่พบนั้นเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินที่หายไป พร้อมย้ำว่า สัญญาณที่พบยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นของเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์จริง

ด้านศูนย์ติดตามและช่วยเหลือทางทะเลของทางการจีนเตือนเช่นกันว่า สัญญาณความถี่ที่ตรวจพบวานนี้นั้นยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นของกล่องดำบนเครื่องบินมาเลเซียแต่อย่างใด ขณะที่นายเดวิด จอห์นสัน รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย แสดงความเห็นว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเปิดเผยความคืบหน้าในการค้นหา ซึ่งสร้างความหวังให้กับทุกฝ่าย แต่สุดท้ายก็อาจทำให้เกิดความผิดหวังได้ สำหรับการค้นหาในวันนี้ ได้มีการนำเครื่องบินทหาร 10 ลำ เครื่องบินพลเรือน 2 ลำ และเรือเดินทะเลอีก 13 ลำปฏิบัติภารกิจค้นหาเครื่องบินที่สูญหายไปใกล้จะครบ 1 เดือนเต็มในอีก 2 วันข้างหน้า โดยการค้นหาในวันนี้คาดว่าจะครอบคลุมพื้นที่ 216,000 ตารางกิโลเมตร ในมหาสมุทรอินเดีย ณ บริเวณที่อยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธของออสเตรเลียไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 2,000 กม. ความท้าทายของการค้นหาอยู่ที่การเข้าถึงกล่องดำ ซึ่งแบตเตอรี่จะหมดภายในระยะเวลา 30 วัน

ทีมข่าวต่างประเทศ