นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง กรณีต้องเป็นพยานบุคคลให้นายกรัฐมนตรี กรณี ป.ป.ช.นัดชี้แจงในวันที่ 11 เมษายน เรื่องจำนำข้าวนั้น ได้มีพยานบุคคลของหน่วยงานต่างๆ ไปชี้แจงในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช. ยืนยันว่าต้องไปเป็นพยานบุคคล จึงขอทำหน้าที่ทางราชการที่จำเป็นไปก่อน แต่จะให้เดินทางกลับมาเร่งด่วนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาและต้องการให้เป็นพยานบุคคล แต่อยากให้มีกระบวนการที่ได้รับความยุติธรรม เพราะขณะนี้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกกล่าวหา หรือเรียกว่า “เป็นจำเลย” แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. “เป็นจำเลย” ในสายตาของประชาชนเช่นเดียวกัน
สำหรับ นายกิตติรัตน์ จะเดินทางไปร่วมประชุมประจำปีสมาชิกธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ณ นครวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ การประชุมจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 9-12 เมษายน 2557 โดยนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า จะไปชี้แจงฐานะทางเศรษฐกิจของไทยให้ต่างชาติรับทราบ เพื่อสะท้อนว่า ไทยมีพื้นฐานเศรษฐกิจดี ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรง ด้วยความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจนี้จะช่วยประคับประคองเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ ไม่เหมือนหลายประเทศ เมื่อเศรษฐกิจมีปัญหาและมีปัญหาการเมือง ยิ่งเพิ่มความเสียหายซ้ำอีก
สำหรับการระดมเงินฝากในกองทุนช่วยเหลือชาวนา แม้มีหลักพันล้านบาท แต่นับว่าได้ช่วยชาวนาหลายหมื่นครัวเรือน ขณะที่ ธ.ก.ส.พร้อมเดินหน้าต่อไป และมีแนวโน้มว่าจะได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินอื่นเพิ่มเติม และมีความชัดเจนมากขึ้นในการหาแหล่งเงินชำระคืนงบกลาง 20,000 ล้านบาท ภายในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ แต่หากเร่งระบายข้าวออกมาจำนวนมาก จะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรลดลง
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า แหล่งเงินสำหรับส่งคืนงบกลาง 20,000 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายค่าจำนำข้าวนั้น มาจาก 3 ส่วน คือ เงินจากการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ เงินจากงบกลาง และเงินจากการกู้ของกระทรวงการคลัง ซึ่งทาง ป.ป.ช.ต้องการให้ใช้เงินจากการระบายข้าวเป็นหลัก แต่ได้ชี้แจงทำความเข้าใจแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับเงินคงคลังในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 206,000 ล้านบาท นับว่าอยู่ในระดับปกติ รองรับการเบิกจ่ายของส่วนต่างๆ ได้เฉลี่ยวันละ 7,000 ล้านบาท โดยเงินคงคลังต้องสำรองไว้รองรับปัญหาภัยแล้ง เหตุฉุกเฉิน และการเลือกตั้งครั้งใหม่ประมาณ 3,800 ล้านบาท.