หลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน จ.นครปฐม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี หวังว่าจะได้รับความยุติธรรมจากศาลรัฐธรรมนูญ และจะได้รับการปฎิบัติเหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆนายกรัฐมนตรี ยังตั้งข้อสังเกตุ หลังศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยการสิ้นสภาพนายกรัฐมนตรี จากการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช.ว่า ในคดีนี้ ศาลปกครองมีคำวินิจฉัยสิ้นสุดแล้ว และ ครม. คืนตำแหน่งให้แล้ว จึงไม่เข้าใจถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัย และประการถัดมาที่ร้องให้นายกรัฐมนตรีสิ้นสภาพนั้น เมื่อมีการยุบสภาก็ถือว่าสิ้นสภาพแล้ว และเมื่อเทียบกับคนอื่นศาลไม่ได้รับคำร้องหลังจากมีการยุบสภาเพราะถือว่าสิ้นสภาพแล้ว ทั้งนี้ก็ขอความเป็นธรรมจากทุกฝ่าย เท่ากับผู้ดำรงตำแหน่งอื่นๆในอดีตเคยได้รับ
ส่วนประเด็นชี้แจงโครงการรับจำนำข้าวกับ ปปช. นางสาวยิ่งลักษณ์ ย้ำว่า จะขอยื่นพยานอีก4 ปาก แม้ว่า ปปช.จะปรับลดพยาน จาก11ปากเหลือ 3 ปากก่อนหน้านี้ โดยพยาน 4คน ประกอบด้วย พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลตำรวจเอกวรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิชัย ชุณหวชิร นายกสภาวิชาชีพบัญชีแห่ง โดยเร่งดำเนินการภายใน 15 วันเพราะขอเลื่อนเข้าชี้แจงไม่ได้ อย่างไรก็ตามหวังว่าคณะกรรมการจะรับเรื่องที่เสนอไป
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับ หนังสือจากหน่วยงานอื่น ที่ร้องเรียนกรณีโครงการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวนอกจาก ป.ป.ช. ส่วนกรณีรัฏฐาธิปัตย์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นั้น รักษาการ นายกฯ ย้ำ ต้องยึดกฎหมายเป็นหลักในการจัดตั้ง การปกครองประเทศ เพราะนานาชาติจะมองในจุดนี้ ทั้งนี้ทุกฝ่ายควรหันมาพูดคุยอย่างสันติ เพราะตอนนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบกับเศรษฐกิจ
โกวิทย์/14.00 น.